อ่อนโยน ไม่แพ้ ไม่มีสาร

แม้ได้รับการทดสอบจากแพทย์ ก็แพ้ได้ แต่เซรั่มแพมเป็นแบบเดียวกับผิว จึงไม่แพ้ ไม่มีสารให้แพ้ ไม่ระคายเคือง สิวก็หาย อ่อนโยนจนใช้กับรอบดวงตาได้ ไม่มีสารกันเสียที่ห้ามสำหรับดวงตา และเพราะผิวแต่ละคนไม่เหมือนกัน ต้องลองเอง อาจแพ้น้อยหรือมาก เช่น ผดขึ้น คัน ผิวแห้ง ผิวบวมแดง แสบร้อน คันหน้า ผดผื่น แสบแดง

เช็คสารทำให้แพ้เซรั่มแพม แบรนด์ดัง
สีใส ไม่มีสี
หรือมีสีจากพืช
ขาวขุ่น เป็นอิมัลชั่นน้ำ+น้ำมัน และมีสีสังเคราะห์ที่น่าใช้ เช่น Brilliant Blue
และอื่นๆ
น้ำมันถ้าเป็นน้ำมันธรรมชาติ ก็จะมีชื่อทางพฤกศาสตร์
Sulfated Olive Oil
Mineral Oil
Sunflower Oil
Rosehip Oil
Almond Oil
และอื่นๆ
ซิลิโคนCyclopentasiloxane
Dimethicone Crosspolymer
Cyclomethicone
Vinyl Dimethicone
และอื่นๆ
กลิ่นFragrance
Perfume
Parfum
Essential Oil
และอื่นๆ
พาราเบนMethylparaben
Butylparaben
Propylparaben
และอื่นๆ
ฟีนอกซิเอทานอลPhenoxyethanol
ฟอร์มัลดีไฮด์DMDM Hydantoin
Quaternium-15
Imidazolidinyl Urea
Diazolidinyl Urea
Sodium Hydroxymethylglycinate
2-bromo-2-nitropropane-1,3-diol (Bromopol)
และอื่นๆ
สารทำความสะอาดกลุ่มซัลเฟตSodium Lauryl Sulfate (SLS)
Sodium Laureth Sulfate (SLES)
และอื่นๆ
สารทำความสะอาดกลุ่มบีเทนCocamidopropyl Betaine
และอื่นๆ
ด่างหรือสารเพิ่ม pHTriethanolamine
และอื่นๆ
*สารบางตัว อาจมีในบางสูตร แต่น้อย ไม่แพ้

เวชสำอาง
Cosmeceutical
ไม่ได้มีผลทางกฏหมาย เป็นการตั้งขึ้นมาเพื่อการตลาด ให้ผู้ซื้อคิดว่าเวชสำอางดีกว่า แต่ก็คือเครื่องสำอางในทางกฏหมายเหมือนกัน สังเกตุเลขที่จดแจ้ง ก็มีจำนวนหลักและขึ้นต้นเหมือนกัน บางคนบอกว่าเวชสำอางคือ มีส่วนของเครื่องสำอางและยาอยู่รวมกัน แต่ถ้ามียาอยู่ด้วยถึงแม้มีเปอร์เซ็นต์น้อยมากก็ต้องจัดอยู่ในหมวดยา จดแจ้งแบบยา ไม่ใช่จดแบบเครื่องสำอาง และยาส่วนใหญ่อาจระคายเคืองผิว ทำให้แพ้ ผิวบาง หน้าพังกว่าเดิม เพราะยาไม่ได้อ่อนโยนเท่าเครื่องสำอาง เช่น อยากลดความหมองคล้ำ จึงเลือกใช้ตัวที่ทำให้ผิวกระจ่างใส อาจเป็น AHA มาผลัดเซลล์ผิว ซึ่งผิวของเราอาจจะแพ้จนมีสิวหรือผื่นขึ้น แต่เซรั่มแพม ไม่มีสารระคายเคือง แตกต่างจากสกินแคร์ทั่วไป ตรงที่เน้นความอ่อนโยน เพื่อผิวแพ้ง่าย ใช้ได้ต่อเนื่อง ไม่มีผลข้างเคียง

เซรั่มแพมดีกว่าอาหารเสริม
เพราะบำรุงผิวโดยตรง แพมไม่กินอาหารเสริม เพราะก็เหมือนกินอาหารปกติ ต้องผ่านกระบวนการย่อยเป็น กรดอะมิโน น้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว และกรดไขมันเหมือนกัน อาจนำไปใช้เป็นพลังงานและซ่อมแซมร่างกาย ไม่ใช่กินแล้วออกมาที่ผิวเลย อาหารเสริมมาจากส่วนที่เหลือจากการผลิตของสินค้าชนิดอื่น เรียกว่า by product ซึ่งแม้จะเป็นของเสียจากการผลิตหนึ่งแต่ก็ต้องใช้ให้อย่างคุ้มค่าเพื่อให้ของเสียจากการผลิตนั้นๆ เหลือน้อยที่สุด และเป็นมลภาวะที่ต้องกำจัดก่อนออกสู่สิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด อุตสาหกรรมที่ใช้ของเหลือทางธรรมชาติอันดับแรก คือ เครื่องสำอางและอาหารเสริม ซึ่งขายได้ราคาสูง และตามมาด้วยอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ และเซรั่มแพมใช้สารสกัดจากพืช ไม่ได้เป็นส่วนเหลือจากการผลิต เพราะพืชเพาะปลูกได้ง่าย ซึ่งเราเน้นสารสกัดที่เพาะปลูกในไทย

เมล็ดองุ่น
โรงงานทำน้ำผลไม้ ไวน์องุ่น น้ำองุ่น จะเหลือเมล็ดองุ่นจากการสกัดเอาน้ำออกจำนวนมาก หากทิ้งไปก็เสียดาย เลยวิจัยใช้ทำอะไรได้บ้าง เช่น ช่วยลดเลือนริ้วรอยและให้ผิวสวยขึ้น ซึ่งแท้จริงแล้วคุณค่าดังกล่าวเราก็สามารถหาได้ในอาหารทั่วไป

คอลลาเจน
จากโรงงานฆ่าสัตว์ เช่น วัว ที่เอาเนื้อออกไปแล้ว กระเป๋าเครื่องหนังต่างๆ และส่วนที่อยู่ใต้ผิวหนังก็คือ คอลลาเจนที่เป็นส่วนประกอบของผิวหนังก็จะเป็นของเหลือที่นำไปทำเป็นอาหารเสริมได้ แต่ก่อนที่จะได้ต้องผ่านหลายโรงงาน ผ่านหลายประเทศ กว่าจะมาถึงโรงงานสกัด ก็มีแต่หนอนขึ้นเต็มไปหมด แต่ไม่เป็นไร เพราะจะไปสกัดต่ออยู่ดี

แล้วคอลลาเจนจากปลาทะเล มาจากไหน ?
โรงงานปลากระป๋อง ปลาทูน่า ส่วนหัวปลาหายไปเขาไม่ได้ทิ้ง แต่นำมาทำเป็นอาหารสัตว์ หรือไม่ก็มาสกัดเป็นอาหารเสริมให้เราทาน เรียกให้สวยๆ คือ คอลลาเจนปลาทะเลน้ำลึก ซึ่งที่เรากิน ไม่มีที่ไหนเป็น 100% เราจะเห็นส่วนผสม เช่น คอลลาเจนจากปลา 10% และ 90% มาจากสัตว์ทั่วไป เกล็ดปลาที่เหลือจากการผลิต

หรือหลายคนคิดว่ากินของทอด หรือปลาร้าทำให้เกิดสิว แต่จริงแล้วไม่เกี่ยว เพราะร่างกายเราจะย่อยเป็นสารอาหารก่อนนำไปสู่เซลล์

ผิวมัน
อาจเพราะใช้ครีมสเตียรอยด์ ทำให้ผิวเสียหาย หน้ามัน T zone
รูขุมขนกว้าง ดูดเอาสิ่งสกปรกมาเกาะผิวได้ง่าย ทำให้ผิวอุดตันเป็นสิว แต่งหน้าไม่ค่อยติดทน ยิ่งอากาศร้อนๆ ทำให้หน้ามันขึ้นอีก แม้น้ำมันที่ขับออกมาทำให้ผิวมันวาวก็จริง แต่แตกต่างจากผิวที่มีความชุ่มชื้นที่ดี
ไม่ควรใช้ครีมที่ผสมน้ำมัน ผิวจะยิ่งอุดตันมากกว่าเดิมอีก และต้องล้างเมคอัพให้สะอาด เพื่อไม่ให้มาขัดขวางการหายใจของผิว และใช้การกระชับรูขุมขน ด้วยการประคบน้ำเเข็ง

ผิวแห้ง
ผิวเก็บความชุ่มชื้นไม่ได้ ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื่น ยิ่งผิวแห้งมาก อาจลอกแตกเป็นขุยๆ และมีแนวโน้มแพ้ง่าย เกิดสิวและริ้วรอยได้สูง ต้องหลีกเลี่ยงสกินแคร์และเมคอัพที่มีแอลกอฮอล์ เพื่อไม่ให้ความชุ่มชื้นถูกดูดซับออกไป

ผิวผสม
หน้ามันทีโซน แต่หน้าส่วนอื่นแห้ง

ดูอายุของผิว
เพราะอายุเพิ่มขึ้นปัญหาผิวก็จะเพิ่มขึ้น ดังนั้นควรจะเลือกใช้สกินแคร์ที่ซึมง่ายแบบเซรั่มแพม และไม่ต้องซื้อแพง เพราะยังมีสกินแคร์อีกหลายตัวที่ขายในซูเปอร์มาร์เก็ตที่มีส่วนผสมเดียวกันกับสกินแคร์ราคาแพงพวกนั้น ซึ่งก็หมายความว่าคุณสามารถจ่ายถูกได้เพื่อผลลัพธ์ที่ดีเหมือนกัน แพมจึงคิดค้นสกินแคร์ที่ปลอดภัยและใช้ได้กับทุกสภาพผิว แม้ผิวแพ้ง่ายก็ใช้ได้ ทุกตัวเน้นให้ผิวแข็งแรง แต่ยังคงอ่อนโยน โดยให้ความชุ่มชื่นของมอยส์เจอไรเซอร์ธรรมชาติ ให้ผิวชุ่มชื้นถึงภายใน ซึ่งเป็นพื้นฐานของผิวสุขภาพดี ควบคุมความมัน

เซรั่มแพมไม่มีสารอันตราย

สเตียรอยด์ ปรอท และไฮโดรควิโนน
สารที่ต้านแพ้ ให้ผิวขาวไว สิวยุบเร็ว แต่พอหยุดใช้หรือเปลี่ยนครีม สิวกลับเห่อขึ้นกว่าเดิม กลายเป็นผิวแพ้ง่าย เพราะโครงสร้างผิวเสียหาย ทำให้งานไม่ปกติเหมือนเดิม

และบางแบรนใช้ไฮโดรควิโนนในครีม เพื่อให้หน้าขาวได้อย่างรวเร็ว แต่เมื่อตรวจเจอในแลปแล้ว อาจอ้างว่าเป็นสารเบต้าอาร์บูติน เพราะเป็นอนุพันธ์กับไฮโดรควิโนน ที่ให้ผิวขาวได้เช่นกัน แม้สารเบต้าอาร์บูตินสามารถใส่ในครีมได้ แต่ปัจจุบัน อย. เริ่มงดใช้สารชนิดนี้ เพราะเป็นสารไม่เสถียรหากสูตรเป็นด่างมากๆ

แม้ว่าสารบางตัวสามารถใส่ในเครื่องสำอางได้ ไม่ผิดกฏหมาย แต่ใช้ไปแล้ว จะเกิดปัญหาผิวตามมาอย่างแน่นอน เพราะกลุ่มยาเหล่านี้ แม้ใช้แล้วเห็นผลดี แต่ไม่สามารถใช้แทนสกินแคร์ หรือครีมบำรุงผิวที่เราใช้อยู่ในทุกวัน อย่างต่อเนื่องได้

กรดวิตามินเอ รักษาสิว
Retinoic Acid
แม้เป็นส่วนผสมในครีมที่ลดความมันบนใบหน้าได้ดีมาก และลดการอักเสบของสิว ไม่ว่าสิวแบบไหนก็หายได้ แต่เมื่อใช้แล้ว อาจทำให้สิวขึ้นมากกว่าเดิม เพราะหัวสิวที่อยู่ใต้ผิวจะดันขึ้นมา เพราะมีการผลัดเซลล์ผิวอย่างรวดเร็ว ผิวบางมาก ไวต่อแสง ผิวจึงคล้ำลง สีผิวหน้าไม่สม่ำเสมอ กรดวิตามินเอ ไม่ใช่วิตามินเอแต่เป็นส่วนที่ถูกสกัดมาจากวิตามินเอ ซึ่งในทางการแพทย์นำมาใช้รักษาโรคผิวหนัง และเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง เพื่อลดริ้วรอย รอยแผล กระตุ้นให้คอลลาเจนอีลาสตินใต้ผิวหนังของเรา

รักษาสิวกับกรดวิตามิน A จะเร่งการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิว ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าถ้าใช้ในปริมาณที่เหมาะสมและสูตรที่ดี จะซึมสู่ผิวหนังได้จะเพิ่มความยืดหยุ่นแก่ผิวและปรับเซลล์ผิวหนังที่แก่ให้กลับสู่ภาวะปกติโดยมีผลต่อการสร้างคอลลาเจนนิยมใช้ในการชะลอความแก่

ครีมที่มีส่วนผสมของ ไฮโดรควิโนนและกรดวิตามิน Aใช้เพื่อรักษาฝ้า ลดการเกิดสิว สิวอุดตัน สิวไม่มีหัว สิวหัวขาว สิวเสี้ยน และละลายหัวสิวได้ดี และอาจทำให้สิวขึ้นมากกว่าเดิม เพราะหัวสิวที่อยู่ใต้ผิวจะขึ้นมา และสีผิวหน้าไม่สม่ำเสมอกัน ผิวไวต่อแสงมากกว่าคนปกติและหน้าบาง ห้ามใช้คู่กับผลิตภัณฑ์ที่มีฤทธิ์ในการผลัดเซลผิวอื่นๆ เช่น AHA , กรด TCA , หรือยาพวก Benzoyl peroxide(BP) เพราะจะทำให้ผิวหน้า ลอกรุนแรงมากขึ้น

และห้ามใช้กับสิวอักเสบหรือสิวหนอง จะทำให้เกิดการอักเสบขึ้น เพราะกรดวิตามิน A นั้นมีความระคายเคืองสูง หน้าแดง แห้ง ลอกเป็นขรุย และเกิดการแพ้ได้ง่าย

ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์
Hydrogen peroxide
ทางการแพทย์จะนำมาใช้ล้างแผล เป็นสารให้ขาวทันที ใช้ในครีมและสบู่ แต่ผิวขาวเพียงชั่วคราว เพราะเมลานินหลบไประหว่างที่ใช้ เลิกใช้ผิวก็กลับมาดำเหมือนเดิม ซึ่งอยู่ในรูปแบบของครีมเปลี่ยนสีผิว ครีมฟอกสีผิว ครีมกัดสีผิว ครีมกัดขนขา ครีมเปลี่ยนสีผิว หาซื้อได้ทั่วไปตามร้านผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับความงาม แต่หากใช้บ่อยๆ อาจทำให้ผิวไม่ผลิตเม็ดสีผิว โดนแดดจะแสบ ระคายเคือง มีโอกาสเสี่ยงเป็นเนื้องอกและมะเร็งผิวหนังได้มากกว่าผิวธรรมดา

เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์
Benzoyl Peroxid
ยาทาสำหรับรักษาสิว ต้านเชื้อแบคทีเรีย ทำให้ผิวแห้ง ให้น้ำมันส่วนเกินและสิ่งสกปรกที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิว ถูกชะล้างออกจากใบหน้าได้ง่าย ใช้ทารักษาสิวบริเวณใบหน้าและผิวหนังส่วนอื่น ทำให้เกิดการลอกของผิวหนังอย่างค่อยเป็นค่อยไป ร่วมกับฤทธิ์ในการต้านเชื้อแบคทีเรียโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเชื้อแบคทีเรียกลุ่ม S.epider midis และ P. acne ซึ่งเป็นสาเหตุของสิว
การใช้ติดต่อกันนาน ๆ คือ การเสียสมดุลของประชากรจุลินทรีย์บนผิวหนังของเรา เพราะ Benzoyl Peroxide นั้นออกฤทธิ์แบบไม่จำเพาะ และไม่เกี่ยวข้องกับการต้านทานยาเหมือนกับยาปฏิชีวนะ ดังนั้น แบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ ทำหน้าที่เหมือนฝ่ายรักษาความปลอดภัย คอยสร้างสาร/สภาวะที่ควบคุมจุลินทรีย์แปลกปลอมบนผิวหน้าของเรา จะถูกกำจัดไปด้วย เมื่อแบคทีเรียเหล่านี้หายไป ปราการผิวของเราก็จะอ่อนแอลงนั่นเอง ส่งผลให้เกิดอาการดังนี้

ทำให้หน้าบางลงแทนที่สิวจะหาย
มีสิวกลับเห่อขึ้นมามากกว่าเดิม ผิวหนังแห้งตึง แดง ลอก หรือตกสะเก็ด รู้สึกแสบผิว

มีผิวไหม้เล็กน้อย ผิวหนังแดงหรือระคายเคือง
มีอาการคันหรือปวดแสบ การทายานี้จะทำให้บริเวณที่ทายาไวต่อแสง ทำให้เกิดแพ้แสงแดดได้ง่าย

ใช้แล้วแสบหน้า คันหน้า หน้าลอกเป็นขลุย สิวเห่อหนักกว่าเดิม
เพราะยาในตระกูลนี้จัดเป็นยาที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองผิวได้ง่ายมาก ดังนั้นผลข้างเคียงที่เกิดจากการใช้ยาทาก่อนล้างนี้ ก็อาจจะทำให้ หน้าแดง ลอก เป็นขรุย บางครั้งจะรู้สึกคันยิบๆที่หน้า จนถึงขนาดแสบหน้าเลยก็มี แต่ที่ร้ายแรงสุดก็คือใช้แล้วแทนที่สิวจะหาย แต่สิวกลับเห่อขึ้นมามากกว่าเดิมก็มี

ในรายที่แพ้อย่างรุนแรง และถ้าใช้ไปนานๆต่อเนื่องอาจจะทำให้ผิวหน้าบางลง เพราะฤทธิ์ยามันจะไปมีผลต่อการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินที่หน้า ซึ่งจะเห็นได้ว่าบางคนที่เมื่อก่อนเคยใช้ยา Benzoyl Peroxide ได้โดยไม่มีผลข้างเคียงแต่อย่างใด แต่พอใช้ไปนานๆอยู่ดีๆก็กลับมีอาการแสบแดงที่หน้าขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุทั้งๆที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ก็อาจเป็นเพราะว่าหน้าของเราอาจบางลง ทำให้หน้าของเราแพ้ง่ายขึ้นนั่นเอง

ผิวชุ่มชื้นแบบไม่มีน้ำมันและซิลิโคน

บางเบา ซึมเร็ว ชุ่มชื้นสูง สบายผิว ผิวหายใจได้ไม่อุดตัน รูขุมขนระบายอากาศดี นอกจากไม่แพ้แล้ว เซรั่มแพมยังกระชับรูขุมขน เพราะครีมทั่วไปให้รูขุมขนกว้างเพราะน้ำมันและซิลิโคนสูง แม้ให้ผิวดูชุ่มชื้นในตอนแรก แต่ผิวจะแห้งลงทุกครั้งที่ใช้ นานไปก็ไม่เห็นผล และบางแบรนด์แม้เคลมว่าไม่มีน้ำมัน ก็ยังมีสารตัวอื่นที่ระคายเคืองผิว เช่น

น้ำมัน หรือ oil หรือ wax
หลายแบรนด์เลือกใช้ เพราะให้ผิวชุ่มชื้นทันที แต่อุดตันเรื่อยๆ กันน้ำออกจากผิว ผิวระบายอากาศไม่ดี และละลายไขมันธรรมชาติผิว ผิวแห้งลงกว่าเดิม มักชื่อลงท้ายด้วย oil เช่น Sulfated Olive Oil, Mineral Oil, Caprylic/Capric Triglyceride, Cocos Nucifera Oil, Paraffinum, Subliquidum, Microcristalline

ซิลิโคน
ทำให้มีสัมผัสดี ลื่นเกลี่ยง่าย กันน้ำ เก็บน้ำให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น แต่ต้องล้างด้วย cleansing oil เพื่อไปสลายพันธะ และได้น้ำมันติดที่หน้าแทน ทำให้ล้างไม่หมด สะสมอุดตันเป็นสิว รูขุมขนกว้าง ซึ่งสังเกตุได้จากชื่อลงท้ายด้วย cone หรือ siloxane เช่น Cyclopentasiloxane, Dimethicone Crosspolymer, Cyclomethicone

ไม่อุดตันรูขุมขนไม่ระคายเคือง ใช้ได้ทุกวันแม้ผิวแพ้ง่ายหรือรอบดวงตา ปราศจากสีและน้ำหอม มีสารอาหารผิวในปริมาณสูง แต่เนื่องจากเป็นสารสกัด สารสกัดจะไม่มีสีไม่มีกลิ่นอยู่แล้ว เราจะไม่หลอกลวงลูกค้าโดยการใส่กลิ่นหรือสีให้ดูน่าใช้ ดังนั้นมั่นใจว่าจะไม่แพ้

ซิลิโคน ทำให้เป็นสิวอุดตัน
สารซิลิโคน ช่วยมอบสัมผัสที่ดีมากๆ ให้กับเครื่องสำอาง เช่น กันแดด รองพื้น บีบี ซีซี ในรูปแบบเนื้อมูส นุ่มลื่น ที่นิยมกันในท้องตลาด เป็นสูตร silicone ทั้งนั้น หรือหากใส่ไม่เยอะมาก ก็จะได้โลชั่น ครีม เนื้อลื่นๆ เกลี่ยง่าย เป็นสิ่งที่ผู้บริโภคชื่นชอบ ผู้ผลิตทั่วไปจึงใส่ซิลิโคน จะได้ขายดี เป็นที่นิยม และซิลิโคนกันน้ำดีมาก ยิ่งเป็นข้อดีสำหรับผลิตภัณฑ์ประเภท base makeup กลางวัน เช่น กันแดด รองพื้น บีบี ซีซี เครื่องสำอางจะได้ติดทนทาน

แต่เมื่อกันน้ำดีมาก ก็ต้องล้างออกดีๆ ซึ่งสิ่งที่ดีที่สุดในการล้าง คือ cleansing oil เท่านั้น เพราะเมื่อมันกันน้ำ จึงต้องใช้น้ำมัน และการ emulsify ออก ทีนี้พอหลายๆคนที่ล้างไม่ดีพอ ซิลิโคนที่บ้างออกไม่หมดก็จะ trap คือปิดการหลุดออกไปของ sebum เซลล์ผิวเสื่อมสภาพ ทำให้สำหรับคนที่ผิวอุดตันง่าย หรือคนที่ผิวมีปัญหาเรื่องต่อมเหงื่อ เกิดการอุดตัน เป็นสิวได้

ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวแทบทั้งหมด มีส่วนประกอบหลักของ Silicone ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าเพียงผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดทั่วไป ไม่สามารถสลายพันธะของซิลิโคนได้ เพราะซิลิโคนเป็นสารที่ละลายได้ในน้ำมันเท่านั้น จำเป็นที่เราต้องใช้น้ำมัน(Oil) เพื่อเข้าไปสลายพันธะและทำให้ซิลิโคนละลายออกมารูขุมขน

หลีกเลี่ยงสารซิลิโคนเหล่านี้ โดยดูที่ฉลากเครื่องสำอางที่เลือก หากจำเป็นต้องใช้ ก็ควรหาครีมทำความสะอาดแบบไม่มีสารเคมี ใช้สารสกัดธรรมชาติ ล้างออกบ่อยๆ อย่าให้มันตกค้างบนผิวหน้า มิเช่นนั้นก็ต้องไปซื้อครีมทาแก้สิวมาเสียเงินเพิ่มขึ้นไปอีก
อาการแพ้ซิลิโคน จะเป็นสิวผด สิวอุดตัน อาจมีอาการคันร่วมด้วย
สารกลุ่ม silicone เช่น Cyclopentasiloxane, Dimethicone Crosspolymer, Cetyl Dimethicone, Decamethyl Cyclopentasiloxane, PEG-10 Dimethicone, Methicone, Cyclomethicone เป็นต้น ยังมีอีกหลายหลายชนิดของซิลิโคน สังเกตุได้จากชื่อสารอะไรที่ลงท้ายด้วย cone หรือ siloxane มักเป็นสารกลุ่ม silicone ทั้งหมด
ลองไปพลิกดูฉลากเครื่องสำอางในท้องตลาดได้เลย มั่นใจว่าเกือบทุกตัวมีสารกลุ่ม silicone ทั้งนั้น

กลีเซอรีน
Glycerin
ใส่ได้เล็กน้อย เพราะจะทำให้ร้อน

วิตามินอี
ละลายในน้ำมัน ดังนั้นครีมต้องมีน้ำมัน เช่น Tocopheryl Acetate

ไม่มีน้ำหอม

ทั้งน้ำมันที่จากสกัดธรรมชาติหรือสังเคราะห์เคมี เพียงกลิ่นหอมอ่อนๆ ก็ทำให้แพ้ได้ ส่วนประกอบมักจะมีคำว่า Fragrance, Perfume, Parfum, Essential Oil หรือบางอันก็ใช้ Aroma แต่น้ำมันเหล่านี้ สำหรับบางคนยังทำให้ผิวระคายเคือง มีอาการคัน ผิวแดง และทำให้เกิดสิวได้ นอกจากพบได้ในสกินแคร์ทั่วไป กลิ่นหอมต่างๆเหล่านี้ก็ยังถูกใส่ในครีมอันตราย เพื่อมากลบความเป็นสารเคมี ให้ผู้ใช้ครีมเหล่านี้หลงมาใช้ ซึ่งแน่นอนว่าอันตรายหนักกว่าเดิม

ไม่มีกรดกัดผิว ผลัดผิว
ไม่เหมาะกับผิวบาง และผิวแพ้ง่ายเป็นสิว ระคายเคือง เช่น AHA และวิตซี มักพบในเซรั่มหน้าขาว ทำให้ผิวบาง เช่น Ascobic Acid, Ascorbyl Palmitate

ไม่มีสารทำความสะอาดที่รุ่นแรงต่อผิว

แพมใช้กลุ่มสารทำความสะอาดกรดอะมิโน 100% ที่อ่อนโยนสุด ซึ่งหาได้ยากในล้างหน้าทั่วไป เพราะราคาสูง ดังนั้นจึงใช้ได้ทั้งครอบครัว และใช้ได้แม้กับผิวทารกตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป

เพราะล้างหน้าทั่วไปทำให้ผิวแห้ง หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าดีแล้ว แต่ที่จริงผิวถูกทำลายความชุ่มชื้น ทำให้ผิวแขเช่น สบู่หรือโฟมล้างหน้า และยังมีสารระคายเคืองอื่นผสมอยู่ ยิ่งใช้ผิวยิ่งแห้ง ระคายเคือง ล้างรอบดวงตาไม่ได้ เพราะแม้โดนนิดเดียวจึงแสบตา เช่น

สารกดฟอง
ล้างหน้าที่ดีต้องมีฟอง เพราะฟองไม่ได้มีผลต่อความอ่อนโยน บางแบรนด์ไม่ได้ใช้สารทำความสะอาดอ่อนโยน แต่เติมสารกดฟองเพื่อหลอกตา ให้ดูเหมือนว่าล้างสะอาด แต่ผิวถูกทำลายทุกครั้งที่ล้าง

โคโค บีเทน
ล้างออกยาก ทำให้ผิวระคายเคืองจากการใช้มือล้างขัดถู

สารให้ความเย็น
เช่น เมนทอล ยูคาลิปตัส และ WS-23 แม้จะให้ความสดชื่น แต่มักระคายเคือง

น้ำมัน
อยู่ในคลีนซิ่งออยด์ ล้างออกยากและตกค้าง อุดตันรูขุมขน

สารกลุ่มซัลเฟต
เป็นสารทำความสะอาดที่รุนแรงต่อผิว เช่นเดียวกับผงซักฟอก มีในโฟมล้างหน้า แชมพู ใช้แล้วจะทำให้ผิวแห้ง อ่อนแอลงเรื่อยๆ เช่น Sodium Lauryl Sulfate (SLS), Sodium Laureth Sulfate (SLES), Ammonium Laureth (ALS)

สารปรับความข้น
เพื่อให้เนื้อข้นขึ้น แต่การที่ข้นไม่ได้หมายถึงเข้มข้น ไม่ได้ช่วยในการบำรุง และยังทำให้ซึมเข้าผิวได้ยาก เหนียวเหนอะหนะ แค่ทำให้การใช้ผลิตภัณฑ์ง่ายขึ้น เช่น Cocamide (MEA), Diethanolamine (DEA), Cocamide, Triethanolamine (TEA)

ไม่มีสารกันเสีย

เซรั่มแพม ไม่ต้องแช่เย็น ล็อกคุณภาพด้วยธรรมชาติ

พาราเบน
สารกันเสียแบบเก่าที่ไม่ใช้กันแล้ว ยกเว้นครีมราคาถูกหลักสิบหรือครีมที่ผู้ผลิตไม่ได้ใส่ใจทำให้ระคายเคือง เป็นสิว และอาจเป็นมะเร็ง ดังนั้นไม่ต้องถามหาพาราเบน เพราะเป็นแค่การตลาด และการไม่มีพาราเบนไม่ใช่ว่าจะอ่อนโยน ต้องใส่สารกันเสียตัวอื่นอยู่ดี มักมีชื่อลงท้ายด้วย ben เช่น Methylparaben, Butylparaben, Propylparaben

พีน็อกซี่เอทานอล
Phenoxyethanol
สารกันเสียที่นิยมสุด ใช้แทนพาราเบน จึงเคลมปราศจากพาราเบนได้ แต่ถึงแม้ว่าจะปลอดภัย แต่ทำให้ผิวระคายเคืองมาก

ฟอร์มัลดีไฮด์ หรือฟอร์มาลีน
ก็เคลมปราศจากพาราเบนได้เหมือนกัน มักใช้กับผิวกาย เพราะราคาถูกมาก หากใช้กับหน้าจะแสบตา ระคายเคือง เช่น DMDM Hydantoin, Quaternium-15, Imidazolidinyl Urea, Diazolidinyl Urea, Sodium Hydroxymethylglycinate, 2-bromo-2-nitropropane-1,3-diol (Bromopol), Isothiazolone, Glydant Plus

แอลกอฮอล์
ไม่ได้ใช้เพื่อกันเสีย แต่ก็เป็นกันเสียได้ เช่น เจลแอลกอฮอล์ที่ไม่ต้องเติมสารกันเสีย เพราะมันกันเสียในตัว ส่วนใหญ่ใช้เป็นสารทำให้แห้งเร็ว เช่น โรลออนที่ต้องการแห้งในทันที เช่น Benzyl Alcohol, Cetyl Alcohol, Stearyl alcohol, Ethanol alcohol

ไม่มีกันแดดเคมี สารระคายเคืองในกันแดด

Sun และ Makeup sun เป็นกันแดดธรรมชาติ เคลือบผิวเป็นเหมือนกระจกเงาบานเล็กที่สะท้อนรังสีออก กันแดดสูงถึง SPF​20​ จาก​ธรรมชาติ 100% (กันแดดสูงถึง 94% ใกล้เคียง SPF50 ที่อยู่ 96%) เพราะแสงแดดเป็นตัวทำร้ายผิวให้แย่ลง การเลือกใช้กันแดดให้เหมาะกับผิวแพ้ง่ายนั้นหายากมาก นอกจากนี้ในกันแดดยังมีสารระคายเคืองอื่น เช่น

ค่า SPF ไม่สูงเกินไป
เพราะกันแดดแบบ Physical จะให้ค่า SPF ที่ต่ำ ถ้า SPF สูง ต้องใช้แบบละลายในซิลิโคนหรือใช้กันแดด​เคมี​ ทำให้มีน้ำมันและซิลิโคน สูงตาม เหนอะหนะเป็นสิวอุดตัน และผิวสะสมสารเคมีเปลี่ยนรูปไปเป็นอนุมูลอิสระ อาจเปลี่ยนยูวีเป็นรังสีในคลื่นที่อันตรายมากขึ้น เช่น MC หรือ Ethylhexyl Methoxycinnamat, OCR หรือ Octocrylene, Menthyl Anthranilate, Ethylexyl salicylate, Oxybenzone

ซิลิโคน
พบได้บ่อยในครีมกันแดดทั่วไป นอกจากทาแล้วแพ้และอุดตัน ยังติดแน่นฝังผิว จนล้างออกไม่หมดเลย เช่น Cyclopentasiloxaane, Dimethicone Crosspolymer, Cetyl Dimethicone และดูสารอื่นๆ ที่ลงท้ายด้วย -cone, -silane, -oxane

ไมก้า
Mica
ทาแล้วหน้าวาว ใสปิ๊งแบบเกาหลี อนุภาคเป็นแผ่นหยัก ระคายเคืองผิว ทำให้เกิดสิวอุดตัน

สารกันแดดที่ห้ามใช้ เวลา​ไป​เที่ยว​ทะเล
ทางไกด์จะแจ้ง และเช็คส่วนประกอบของสกินแคร์ว่า ตัวไหนจะเอาไปได้บ้าง​ เพราะครีม ​สบู่และแชมพูทั่วไปจะ​มี​สาร​เคมีที่ไปทำลาย​ปะการัง เช่น Oxybenzone (Benzophenone-3, BP-3), Octinoxate (Ethylhexyl methoxycinnamate)

SPF
Sun Protection Factor
ค่าของการป้องกันรังสี UVB เท่านั้น ยังไม่รวม UVA ซึ่งครีมกันแดดทั่วไปที่เคลมว่าปกป้องได้สองอย่าง จะต้องมาเช็คที่ตัว PA อีกที ตัวอย่าง SPF15 คือการปกป้องผิวจากแสงแดดได้ 15 เท่า

PA
Protection Grade of UVA
ใช้วัดค่าการปกป้อง UVA แต่ว่ายังไม่ได้ค่าสากล ซึ่งบางแบรนด์ก็ไม่ได้มีค่า PA บอกไว้ แต่จะระบุสารในครีมกันแดดที่ป้องกัน UVA ได้ แต่ทั้ง PA หรือสารที่ระบุมาเลยก็สำคัญหมด เพราะครีมกันแดดจะปกป้องได้ 2 รังสี แบ่งได้เป็น 3ระดับคือ
PA+ ป้องกันรังสีได้ระดับที่น้อย PA++ สามารถป้องกันรังสีในระดับสูง PA+++ จะเป็นการป้องกันที่สูงมาก

ท้อง
จะมีน้อง ใช้ได้ไม่เป็นอันตรายกับเด็กในท้อง เพราะไม่มีสารที่ก่อให้เกิดอันตรายใดๆ

BHA
เป็นสารที่มี Salicylic acid, 3-hydroxypropionic acid, trethocanic acid และ tropic acid เนื่องจากเป็นสารที่ถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้ ด้วยความที่เป็นกรด จึงไม่เหมาะแก่การสำหรับผิวบอบ และคุณแม่ที่กำลังมีน้อง

กันแดดเคมี เช่น Avobenzone, homosalate, octisalate, octocrylene, oxybenzone, oxtinoxate, menthyl anthranilate และ oxtocrylene เพราะสารเคมีจะไปรบกวนระบบฮอร์โมนในร่างกาย เมื่อใช้ไปนานๆ ผิวหน้าก็จะยิ่งโทรมมากขึ้น

สบู่และแชมพู
ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ ที่มีสารเหล่านี้เป็นส่วนประกอบ ได้แก่ Diethanolamine (DEA), Oleamide DEA, Lauramide DEA และ Cocamide DEA เนื่องจากทำให้ผิวหนังเกิดอาการระคายเคืองได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากในส่วนผสมมีเกลือ nitrates อยู่ด้วยจะเกิดเป็น Nitrosodiethanolamine (NDEA) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งทันที

ยารักษาฝ้า
มีสาร hydroquinone, idrochinone และ quinol/1-4 dihydroxy benzene/1-4 hydroxy benzene เนื่องจากเป็นสารเคมีที่มีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์บางตัวของร่างกาย และระคายเคืองต่อผิว จนอาจทำให้เกิดอาการผิวบาง ไวต่อแสงแดด เมื่อใช้ไปเรื่อยๆ ก็จะมีผลต่อการทำงานของร่างกาย เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

พาราเบน
มีส่วนผสมของ propyl, butyl, isopropyl, isobutyl และ methyl parabens เนื่องจากเป็นสารกันเสีย และสามารถดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด จะเกิดการตกค้างของสารเคมีในร่างกาย เมื่อใช้เป็นติดต่อกันนาน อาจส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์

น้ำหอม
ที่มี Phthalates, diethyl และ dibutyl เนื่องจากทำให้ระบบทางเดินหายใจและระบบประสาททเกิดการระคายเคืองได้ ส่งผลทำให้ปวดและเวียนหัว คลื่นไส้อาเจียน ที่หนักมากที่สุดคือ สามารถทำลายอวัยวะภายในได้

ยาทาเล็บ
เป็นสารระเหย Toluene, methylbenzene, toluol และ antisal 1a เนื่องจากดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด อาจทำให้ทารกมีความพิการ และสมองจะเติบโตช้ากว่าที่ควรจะเป็น และเป็นกลิ่นที่เปิดมาปึ๊บก็ทำให้เวียนหัวได้

สารฟอร์มาลดีไฮด์
(formaldehyde), quaternium-15, dimethyl-dimethyl (DMDM), hydantoin, imidazolidinyl urea, diazolidinyl urea, sodium hydroxymethylglycinate, และ 2-bromo-2-nitropropane-1,3-diol (bromopol) เฃมีอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจและผิวหนัง แม้จะใช้เป็นประจำอยู่แล้ว ก็ต้องระมัดระวังนะครับ เพราะอันตรายสู่ภายในร่างกายได้

วิตเอ
Retinol A, retinoic acid, retinyl palmitate, retinaldehyde, adapalene เนื่องจากส่งผลต่อทารกในครรภ์ ทำให้เกิดความผิดปกติต่างๆ และอาจจะทำให้ทารกพิการตั้งแต่แรกเกิดได้ครับ

เซรั่มใส่ผม ครีมกำจัดขน และน้ำยาดัดผม
ที่มี Thioglycolic acid, labeled acetyl mercaptan, mercaptoacetate, mercaptoacetic acid และ thiovanic acid ถือว่าเป็นอันตรายมาก เนื่องจากทำให้ระบบทางเดินหายใจและผิวหนังระคายเคือง สังเกตุได้จากกลิ่นที่ค่อนข้างรุนแรง

แชมพูอ่อนโยนต่อเส้นผมและผิว . แชมพูพิก เคลือบผมสวย

ต่างจากแชมพูทั่วไปที่ระคายเคืองสูง เพราะโบทานิค แชมพูไม่มีซิลิโคน น้ำหอม SLS SLES น้ำมัน อ่อนโยนต่อผิว ทำให้เซลล์ผิวฟื้นฟู กระชับ สดชื่นทุกครั้งที่สระ บำรุงเส้นผมให้แข็งแรง ปกป้องจากปัญหาต่างๆ ตอบโจทย์การดูแลเส้นผมพร้อมผิวกายไปพร้อมกัน

สูตรอ่อนโยน

บำรุงเส้นผมด้วยส่วนผสมจากสารสกัดธรรมชาติ ปราศจากสารเคมี ผมมีน้ำหนัก นุ่มลื่น ไม่ต้องใช้ครีมนวด ผมเบาสบาย โดยเป็นพืชพรรณธรรมชาติที่บำรุงเส้นผมได้ผลลัพธ์ดีและยังคงอ่อนโยนต่อเส้นผม ทั้งว่านหางจระเข้ ดอกอัญชัน ดอกคำฝอยและวิตามินบี3

ลดปัญหาเส้นผม
ปัญหารังแค ความมัน และผมร่วงมีสาเหตุหลักๆ ที่เกิดได้จาก สารเคมี แสงแดด แชมพูแพมใช้วิธีบำรุงหนังศีรษะและเส้นผมให้แข็งแรง สกัดจากส่วนผสมทางธรรมชาติ จึงทำให้อาหารผิวจากผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่างๆ ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพสระผมพร้อมเคลือบเส้นผม ปรับประจุให้เส้นผม ฟื้นฟูเส้นผมจากการถูกทำลาย

ลดสิว

เพราะแชมพูขายดีทั่วไปมีส่วนผสมของสารเคมีที่ก่อให้เกิดสิว เช่น น้ำหอม ซิลิโคน SLS SLES และน้ำมัน ขณะที่ล้างออกหากสารเคมีเหล่านั้นยังคงตกค้างอยู่บริเวณผิว ซึ่งอ่อนโยนกว่าหนังศีรษะ ก็สามารถก่อให้เกิดสิวได้เช่นกัน แชมพูแพมจึงปราศจากสารดังกล่าวและยังอ่อนโยนสูงจึงลดสิวที่ใบหน้ากับแผ่นหลัง ช่วยทำให้ผิวกระชับลดเลือนริ้วรอยได้

สารเคมีกับแชมพู

สำหรับแชมพูที่มีส่วนผสมของสารเคมีต่างๆ แม้จะให้เส้นผมที่นุ่มลื่น เงางามแต่ก็จะทำร้ายเส้นผมไปในระยะยาวอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นซิลิโคนสารเคลือบผมให้ดูเงางามนุ่มลื่นซึ่งแท้จริงแล้วทำให้รูเส้นผมอุดตัน เกิดการขาดร่วง รวมถึงสารซัลเฟตที่มีสองชนิดคือ SLS และ SLES เป็นสารที่ทำให้เกิดฟองสามารถส่งผลต่อการระคายเคืองให้กับผิวใช้แล้วจะทำให้ผมแห้งเสียมากขึ้น

นอกจากนี้ยังส่งผลต่อผิวกายและผิวหน้า สารก่อการระคายเคืองที่เป็นสารซิลิโคนและสารอื่นๆ ซึ่งล้างออกได้ยาก เมื่อสารเหล่านี้สัมผัสกับผิวก็จะทำให้เกิดการอุดตันและผิวเสียสมดุล ส่งผลให้เกิดสิว ริ้วรอย ปัญหาอื่นๆ

แพมไม่อาจจำหน่ายสินค้าให้สำหรับคนที่เป็น สิวสเตียรอยด์ เพราะคนกลุ่มนี้ มีแนวโน้มที่จะเป็นสิวอยู่แล้วจากสภาพผิวที่เสียสมดุลไปก่อนหน้า ซึ่งอาจมาใช้ครีมเราทำให้เราเป็นแพะรับบาปได้ ซึ่งเมื่อไปหาหมอ หากคุณ​หมอพูด​บอก​ว่า แพมทำ​ให้​ผิว​คุณ​พี่​เป็น​สิว​ ถ้า​เป็น​อย่าง​นั้น​ คุณ​หมอเป็นใครถึงจะมากล่าวหากันแบบนี้ เหมือน​เวลา​เรา​กิน​ข้าว​หลาย​ร้าน​ใน​วัน​นึ่ง และ​เรา​จะ​โทษ​ร้าน​สุด​ท้าย​ที่​ทำ​ให้​เรา​ท้อง​เสีย​ใน​วัน​นั้นครับ

หากเราเป็นสิว ส่วนใหญ่มักจะไปพบหมอ หากพูดเป็นภาษาชาวบ้าน “หมอเรียนมาเพื่อเดา” หรือวินิจฉัยจากอาการ มีการจ่ายยาตามสูตรการเรียน ซึ่งไม่ได้ไปผู้ผลิตครีม ครีมที่ผลิตในคลินิคนั้น RD จะเป็นผู้คิดค้นและเสนอสิ่งที่หมอต้องการ เมื่อ RD เสนอสูตรครีมทำการอธิบายว่าสิ่งที่ผลิตไปคืออะไร เลือกเครื่องสำอางที่เหมาะสมกับผิวและครีมที่มีส่วนประกอบตัวยานั้นๆ จากนั้นหมอจึงไปบอกต่อกับคนไข้ สำหรับหมอด้านผิวหนังโดยตรงก็จะเรียนเกี่ยวกับโครงสร้างหน้าที่การทำงาน โรคที่เกี่ยวกับผิว ไม่ได้ศึกษาด้านการผลิตครีมมา จะมีส่วนน้อยที่ศึกษาต่อทางด้านเครื่องสำอาง

RD
หรือ Research and Development หมายถึง คนที่พัฒนาสูตร อาจจบสาขาวิชาวิทยาศสตร์เครื่องสำอาง ที่สามารถผลิตเครื่องสำอางทุกชนิด มีความรู้ในส่วนประกอบ สามารถอ่านส่วนประกอบในเครื่องสำอางได้ สามารถรู้ส่วนประกอบได้ดีกว่า รู้ว่าส่วนประกอบไหนที่อ่อนโยนหรือไม่ อันไหนอ่อนโยนกว่า ดูคุณภาพของสินค้าได้

ครีมที่จ่ายเพื่อลดสิว
หากอยู่ในตลับแบนๆ บางๆ ที่มีเนื้อครีมเป็นสีขาวทึบ สันนิษฐานได้เลยว่าเป็นครีมสเตียรอยด์ เพราะให้เห็นผลเร็ว คำแนะนำของหมอคือ จำกัดระยะเวลาการใช้ อาจไม่ควรเกิน 1-2 สัปดาห์ เพราะสารชนิดนี้จะส่งผลเสียมากกว่าผลดี

ครีมชนิดนี้ไม่ได้ให้ความชุ่มชื้น ไม่ได้ให้ผิวแข็งแรงเพื่อรักษาสิว เราอาจสังเกตุได้ เพราะการให้ความชุ่มชื้นควรมาในขนาดที่ใหญ่กว่าตลับแบนๆ และไม่ควรทาบางๆ ควรสามารถทาได้เลย และไม่ควรจำกัดระยะเวลาใช้ ควรใช้บำรุงได้

หากต้องการรักษา ให้ไปพบหมอ หากต้องการครีมดี ส่วนประกอบดี ใช้แล้วเห็นผลจริงให้มาหาผู้ผลิตครีม เพราะหมอไม่ได้มีความรู้เรื่องครีม องค์ประกอบหรือขั้นตอนการผลิตครีม และแพมเน้นที่การบำรุงให้ผิวดีขึ้นอย่างยั่งยืน จึงให้ผลดีกว่าการใช้ยาของหมอ ทั้งในด้านประสิทธิภาพและระยะเวลาที่ดีกว่า

เภสัช​ก็​จะอาจ​จะ​เรียน​เลือก​เครื่องสำอาง อาจ​จะ​เรียนเบื้องต้น สูตร​พื้นฐาน สาร​ที่​ใช้​ทั่วไป แต่​ไม่ได้​หมาย​ความ​ว่า จะ​ต้อง​เชี่ยวชาญ​จน​ทำออกมาจำหน่ายและแข่งขัน​ได้ หรือ​หลาย​คน​ถ้า​ไม่ได้​ลง​วิชาชีพเลือก​แล้ว​ก็​ไม่​รู้​เกี่ยวกับ​เครื่อง​สำอางเลย ดังนั้น เรียน​ยา​ก็​คือ​ยา ไม่​เกี่ยว​ของกัน

ลูกค้า​แพม​ก็​มี​ทั้ง​หมอ ทั้ง​เภสัช​ ซึ่ง​ความ​รู้​ด้าน​เครื่อง​สำอาง ถาม​อะไร แทบไม่รู้​เลย แพม​ต้อง​เป็น​คน​เสนอ​ไป อย่าง​ถ้า​เห็น​ส่วน​ประกอบ phenoxyethanol​ อาจ​จะ​ถูก​ถาม​ว่า ใส่​แอลกอฮอล์​ไป​ทำไมค่ะ แต่​จริง​ๆ แล้ว มันไม่ใช่แอลกอฮอล์​ และ​ไม่​อยู่​ใน​กลุ่ม​แอลกอฮอล์​ตาม อย. สามารถ​เคลม ปราศจาก​แอลกอฮอล์​ได้ สาร​นี้​อยู่​ใน​กลุ่ม​สารกันเสีย ใส่​เท่าไร แพม​ก็​​เป็น​คน​กำหนด