ทาบำรุงได้ตลอด ไม่ใช่ยา ไม่มีผลข้างเคียง หน้าไม่บาง ไม่ต้องกินอาหารเสริม ให้ผิวแข็งแรง ผิวเก็บความชุ่มชื้นได้ดี ผิวก็ไม่ระคายเคือง ไม่แพ้ง่าย สิวก็หาย หน้าเด้ง แม้พิกจะอ่อนโยน แต่เข้มข้น ช่วงแรกต้องให้ระยะเวลาผิวปรับตัว ผลขึ้นกับผิวและการใช้ประจำ
1 กระชับรูขุมขนด้วยมาร์คและน้ำแข็ง
2 ล้างด้วยกรดอะมิโน
การล้างทำให้เชื้อโรคตายเหมือนกับแอลกอฮอล์ เพราะสารทำความสะอาดจะทำให้ผนังเซลล์แตกออก ให้สระผมทันทีเมื่อถึงบ้าน ด้วยแชมพูแพม สระผมทุกวัน เพื่อไม่ให้เชื้อโรคและเเบคทีเรียสะสม ล้างฝุ่นละออง ให้ผมสะอาดโดยไม่ทำลายความชุ่มชื้นเส้นผม ใช้แชมพูที่บริเวณหนังศีรษะก่อนและใช้นิ้วมือนวดไปด้วยในขณะที่สระผมครั้งแรก หากแชมพูจะไม่เป็นฟองแสดงว่าสระผมยังไม่สะอาดพอ ให้สระอีกรอบ
ตามด้วยอาบน้ำ เจลอาบน้ำกรดอะมิโน ให้ผิวเนียน ชุ่มชื้นสุด ไม่แพ้ด้วยสารแบบเดียวกับผิว และตามด้วยเจลล้างจุดซ่อนเร้น
และล้างหน้าท้ายสุด หลังสระผมและอาบน้ำแล้ว ล้างหน้าด้วยล้างหน้าแพม เพื่อหน้าสะอาดสุด ไม่ถูหน้าแรง ล้างหน้านานๆ จนกว่าฟองจะหายไปจะเห็นผลดี ล้างตามแนวรูขุมขน เพื่อให้ไมเซลล์ที่จับสิ่งสกปรกแล้วหลุดไป โดยเริ่มจากกลางหน้าผากออกไป และล้างเป็นแนวตั้งตั้งแต่หน้าผากลงมา แล้วล้างออก
หากแต่งหน้า เช็คเครื่องสำอาง น้ำมันและซิลิโคนก่อน ด้วย Makeup clean
โทนเนอร์ ?
ที่เช็ดโทนเนอร์แล้วสำลีดำเพราะล้างหน้าไม่สะอาด พอมาใช้โทนเนอร์ จึงดึงทั้งน้ำมันผิว สิ่งสกปรกตกค้าง และเซลล์ผิวเก่าออกมา ทำให้สำลีกลายเป็นสีดำนั่นเอง โทนเนอร์จะใช้หรือไม่ใช้ก็ได้ เพราะไม่ได้ช่วยให้ผิวสะอาดหรือให้การบำรุงมากกว่าเดิม แต่ด้วยปัจจัยเหล่านี้ ทำให้โทนเนอร์กลายเป็นสิ่งไม่จำเป็นไปเลย แถมไม่ใช้จะดีกับผิวมากกว่า มักมีสารระคายเคือง นอกจากแอลกอฮอล์ ก็ยังมีสารที่ทำให้ผิวอ่อนแอได้ เช่น AHA, BHA ให้ผิวบาง แห้ง ระคายเคือง หากใช้ล้างหน้าที่ดี โทนเนอร์ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ เมื่อใช้เจลล้างหน้าแพม ที่ล้างเฉพาะสิ่งสกปรก ยังคงน้ำเลี้ยงผิวธรรมชาติ ทำให้ผิวสมดุลแล้ว ดังนั้นหากใช้โทนเนอร์ ในโทนเนอร์ยังมีสิ่งที่รบกวนผิว ทำให้ผิวแข็งแรงช้าอีกด้วย และมีแอลกอฮอล์ ใช้แล้วรู้สึกเย็น เช็ดไม่นานก็แห้งแล้ว เพราะทำให้น้ำระเหยไว แต่แอลกอลฮอล์เป็นตัวการที่ทำให้ผิวแห้ง เพราะน้ำเลี้ยงผิวธรรมชาติ ถูกดึงออกไปทุกครั้งที่เช็ด ซึ่งรบกวนผิว เพราะใช้สำลีเช็ด จึงเกิดการเสียดสีผิวได้ง่าย ยิ่งเช็ดบ่อย ผิวก็เสี่ยงระคายเคืองง่าย ถ้าหากใครต้องการใช้ ต้องเช็คให้ดี แนะนำเป็นสูตรธรรมชาติ เลือกสำลีสำหรับเช็ดโทนเนอร์โดยเฉพาะ ซึ่งจะเบาบางกว่าสำลีแบบอื่น
หากแต่งหน้าทุกวันอย่าลืมทำความสะอาดผิว บางคนไม่ค่อยให้ความสำคัญกับขั้นตอนนี้ แต่เมื่อไม่คลีนหน้า ก็จะทำให้ผิวอุดตัน เมื่อแต่งหน้าครั้งต่อๆ ไปก็จะยากขึ้น ใช้ Makeup clean เมคอัพกันน้ำแค่ไหน ก็เช็ดออกได้สบายๆ
ถ้ายังมีสิ่งตกค้าง แล้วมาแต่งหน้าเลย ก็จะยิ่งทำให้ผิวอุดตันขึ้นเรื่อยๆ จนหน้าหมองโทรม ให้ขั้นตอนนี้เป็นเรื่องที่ง่ายใช้ Botanic clean ก่อน
3 บำรุง
หลังล้างหน้าทาเซรั่มทันทีให้ผิวชุ่มชื้น หากใช้หลายตัวใช้ตัวที่แพงก่อน ทาตามแนวรูขุมขน ทุกสูตรที่ทาหน้าจะทารอบดวงตาได้ อ่อนโยนมาก ใช้เป็นอายครีม ทาขอบตาให้กระชับ สดชื่นได้
กลางคืนใช้ครีมที่ชุ่มชื้นมากเท่าไหร่ก็ได้ เพราะเป็นตอนที่เรานอนหลับ หรือใช้ Night ตัวเดียว ซึ่งจะแห้งช้ากว่าตัวอื่น แต่ไม่ทำให้ผิวเหนอะหนะ ส่วนตัวอื่นที่มีเก็บไว้ใช้ในเวลากลางวัน สำหรับใครที่ไม่มีไนท์ ก็ทาตัวที่มีอยู่ได้เลย
บำรุงผิว Aloe body serum ทาหลังอาบน้ำทันที ตอนที่ผิวหมาด ตามด้วยสเปรย์ระงับกลิ่นกาย Derodorant และปิดท้ายด้วย Flower body spray น้ำหอมน้ำ
สาเหตุที่ใช้แล้วผิวไหม้
บางสกินแคร์ที่ใช้แล้ว รู้สึกร้อนแสบหน้า ไม่ได้หมายถึงว่าสกินแคร์กำลังทำงานได้ผล แต่กลายเป็นการทำร้ายผิว ด้วยสารเหล่านี้ที่ทำให้รู้สึกร้อน
ซิลิโคน
ชื่อมักลงท้ายด้วย cone หรือ siloxane ซึ่งธรรมชาติของซิลิโคน เมื่อเราทาไปบนผิวแล้วจะรู้สึกร้อนวูบในทันทีที่ใช้ ทำให้ผิวระคายเคือง อุดตันง่าย เช่น ครีมกันแดดใยไหม
กลีเซอรีน
มีหลายชนิด ชื่อจะลงท้ายด้วย Glycol ซึ่งมีหน้าที่ให้ความชุ่มชื้นหรือเรียกว่า Humectant คอยดูดน้ำในอากาศมาไว้ที่ผิว หากทาเพียวๆ จะรู้สึกร้อนวูบวาบในทันที ต้องใช้โดยการผสมน้ำที่เปอร์เซ็นต์น้อยๆ แต่ไกลคอลถือเป็นสารให้ความชุ่มชื้น ที่อ่อนโยนกว่าน้ำมันหรือซิลิโคน ซึ่งของแพมก็มีไกลคอล ใช้เป็นตัวทำละลายสารสกัดและให้ความชุ่มชื้น แต่ไม่มีผลให้เกิดอาการร้อนวูบ เพราะเลือกตัวที่อ่อนโยนสุดและแพงที่สุดของไกลคอล
4 ผิวแพ้ง่าย แต่งหน้าให้สวยเนียน ไม่เป็นสิว
แต่งหน้าไม่เป็นสิว เพราะเมคอัพทั่วไปมีน้ำมันและซิลิโคนสูง แต่ของแพมซิลิโคนน้อยสุด ไม่มีน้ำมัน จึงอ่อนโยนใช้ทุกวันผิวไม่โทรม ลดรูขุมขน ลดสิวเสี้ยน กันน้ำพอเหมาะ
รองพื้นด้วยกันแดดก่อน ใช้กดแค่นิดเดียว ทาทับหลังจากลงสกินแคร์ แล้วแต่งหน้าต่อได้เลย ใช้แป้งแบบ 2-way แทน ซึ่งให้ผิวเรียบเนียนเทียบเท่า หรือมากกว่าใช้รองพื้นหากใช้คู่กับ Serum ให้นำพัฟชุบน้ำแล้วบีบน้ำออกหมาด แล้วจึงทาแป้งในตลับก่อนมาทาที่หน้า ระหว่างนี้สามารถเติมน้ำที่ผิวได้ตลอด ซึ่งจะทำให้เรียบเนียนขึ้นเรื่อยๆ หากผิวแพ้ง่าย
ใช้ Foundation เนื่องจากรองพื้นเป็นสูตรของเหลว เขย่าขวดเบาๆ ก่อนใช้ เพราะอาจทำให้หกเลอะเทอะได้ ทาบางๆ ให้การปกปิดธรรมชาติ ทาซ้ำหากต้องการปกปิดมากขึ้น
หลายคนยังเจอปัญหาเมคอัพไม่ติดทน หลุดระหว่างวัน และผิวที่ไม่สมดุล จึงทำให้ลงรองพื้นไม่สวยโดนใจ แต่สามารถแก้ไขได้ ด้วยทริคแต่งหน้าตามแบบของแพม ให้ฟินิชลุคสวยเนียนกว่าใคร ซึ่งเราแบ่งเทคนิคออกเป็น 2 พาร์ท ก็คือการเตรียมผิวและการใช้เมคอัพ
เตรียมผิวก่อน
เรียกง่ายๆ ก็คือการบำรุงผิวอยู่ทุกวันนั่นเอง ใช้สกินแคร์ที่ให้ผิวชุ่มชื่น เพื่อง่ายต่อการลงเมคอัพ ควรทำสม่ำเสมอเพราะสภาพผิวหรือปัญหาผิวของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
ทากันแดดก่อน
อย่าหวังพึ่งกันแดดที่อยู่ในรองพื้น ไม่ได้ปกป้องดีขนาดนั้น ควรทาครีมกันแดดก่อนที่จะแต่งหน้า หรือใช้ Makeup sun กันแดดที่ยังอ่อนโยนกว่าสูตรทั่วไป แม้จะมีซิลิโคน แต่มีน้อยมาก เพื่อให้แต่งหน้าต่อง่ายขึ้น และยังล้างออกง่าย ไม่สะสมจนทำให้ผิวโทรมคล้ำ ป้องกันยูวีได้สูงมาก กันน้ำกันเหงื่อได้ 1 วัน
แต่งหน้าต่อ
ด้วย Foundation เขย่าขวดเบาๆก่อนใช้ ทาบางๆ ด้วยมือหรือเป็นฟองน้ำและแปรงลงรองพื้นใช้เกลี่ย รอสักครู่เนื้อรองพื้นจะซึมซาบและเซ็ทให้คงอยู่กับผิว แล้วก็แต่งหน้าด้วยขั้นตอนต่อไปได้เลย ให้การปกปิดธรรมชาติ ลงซ้ำอีกรอบ หากต้องการปกปิดมากขึ้น
เซ็ทให้แป้งติดเนียน
เริ่มที่ลงบำรุงด้วย Serum ทำให้เมคอัพเกาะผิวได้ดี แต่ต้องใช้น้ำเข้าช่วยในการรองพื้นผิว ดังนั้นแนะนำใช้แป้งแบบ 2-way ซึ่งเป็นแป้งที่สามารถใช้ร่วมกับน้ำได้ แป้งชนิดนี้จะมีซิลิโคนสูงกว่าปกติทำให้แต่งหน้าแล้วสวยเรียบเนียน ชื่อ 2-way มาจากการใช้งานได้ 2 แบบ คือแบบแห้งและแบบเปียก หลังลงเซรั่มแล้ว เราจะใช้แบบเปียก ทำได้ดังนี้
ให้นำพัฟชุบน้ำแล้วบีบน้ำออกหมาด แล้วจึงทาแป้งในตลับก่อนมาทาที่หน้า ระหว่างนี้สามารถเติมน้ำที่ผิวได้ตลอด ซึ่งจะทำให้เรียบเนียนขึ้นเรื่อยๆ ตัวเซรั่มจะยึดแป้งทีละชั้นๆ ทีทาลงไป พร้อมดูดซับน้ำไว้ให้ติดที่ผิวได้ดีเยี่ยม เราสามารถทาแป้งได้หลายๆ ชั้น ปกปิดเรียบเนียน โดยไม่เป็นคราบแน่นอน
ลดแป้ง
แป้งจะไปดูดเนื้อเซรั่มไว้ ไม่ให้ซึมเข้าผิว ทำให้ผิวแพ้ง่ายจะหายช้าลง
ใช้แล้วร้อนหน้า ?
1% จากผู้ใช้อาจแจ้งว่า รู้สึกร้อนหน้า แต่จริงแล้วไม่ใช่อาการร้อนหน้า เพราะไม่คุ้นเคยมากกว่า ล้างหน้าเดิมที่ใช้อยู่ใช้แล้วเย็นผิว สดชื่น เพราะเติมสารทำความเย็น แต่ทำให้ผิวระคายเคืองสูง ดังนั้นเมื่อใช้เจลล้างหน้าของแพม จึงปกติ ไม่ได้ร้อน และของแพมยังใช้สารทำความสะอาดที่อ่อนโยนกว่าทั่วไป คือ Amino Acid 100%
และครีมที่ทำให้ร้อนหน้า คือ ครีมที่มีซิลิโคนสูง หรือมีกลีเซอรีนสูง เช่น ครีมกันแดดใยไหม รองพื้น ซึ่งมีซิลิโคนสูงมาก จะรู้สึกร้อนวูบแล้วก็หายไป และครีมที่มีกลีเซอรีนจะรู้สึกร้อนผ่าว เช่น เจลนวดตัว แต่ไม่เป็นอันตรายและไม่อุดตัน
เมื่อใช้ของแพมแล้วรู้สึกร้อน อาจเป็นเพราะมีสารให้ความชุ่มชื้นสูง แต่ไม่เป็นอันตายเช่นกัน และผิวแพ้ง่ายมากก็ใช้ได้ และไม่อุดตัน ดังนั้นจะร้อนหรือไม่ เป็นเพียงลักษณะธรรมชาติของสาร ไม่เป็นอันตรายและไม่ได้กัดผิวแต่อย่างใด
หน้าแห้ง เป็นผื่น คันหน้า
เพราะมีส่วนประกอบของไฮยาเข้มข้น ในผู้ใช้ 5% ที่มีผิวแห้งมาก อาจระคายเคืองเล็กน้อยช่วง 30 นาทีแรก ทำให้รู้สึกได้ว่าหน้าตึง คันหน้า และส่วนที่เป็นสิวนูนอาจตึงขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากเซรั่มดึงฟิล์มที่สร้างขึ้นเคลือบผิวให้ชุ่มชื้น แต่ไม่ใช่อาการแพ้ หลังใช้ซักพักผิวจะกลับมาปกติ หากใช้ต่อเนื่องนานๆ ผิวจะเร่งชดเชยน้ำที่เสียไป ทำให้ผิวดีขึ้นมากๆ ในภายหลัง และมีวิตามินบี 3 เข้มข้น ที่เป็นของแข็ง และอาการเหล่านี้ยังเกิดจากหลายปัจจัย แต่ส่วนมากเกิดจากครีมที่เราเคยใช้มา เช่น สเตียรอยด์ ถ้าหยุดใช้จะทำให้ผิวแพ้ง่ายมาก จึงเกิดสิว ผื่นคันตามมา
สำหรับผิวแพ้ง่าย
ลูกค้าที่เป็นสิว และผิวไม่แข็งแรง การที่สิวขึ้นเป็นเรื่องปกติสำหรับสิวที่ยังขึ้นอยู่ แต่เมื่อผิวแข็งแรงแล้ว สิวจะขึ้นน้อยลง เซรั่มแพมไม่ได้ช่วยให้สิวหายทันทีที่ใช้ แต่จะเคลือบผิวให้มีชั้นที่ปกป้องผิวจากมลภาวะต่างๆ เมื่อใช้อย่างต่อเนื่องจนผิวแข็งแรงก็จะไม่เป็นสิว แต่อาจเกิดขึ้นได้บางครั้ง ซึ่งเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
เพียงทาบางๆ แต่ยังให้การบำรุงดีเหมือนเดิม กด 1 ปั๊ม ก็สามารถเกลี่ยได้ทั่วหน้า หรือจะใช้ Sensitive แทนในช่วงนี้ก่อนก็ได้เพราะเป็นสูตรไม่มีโซเดียมไฮยาลูรอนเนต แม้ว่าเรามี Super Serum ที่เป็นสูตรดีสุด แต่ด้วยความที่ผิวของแต่ละคนต่างกัน จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้ได้กับทุกผิว
ซึ่งครีมทั่วไปที่ไม่เกิดเหตุการ์ ผิวแดง ตึงผิวแบบนี้ เพราะไม่มีความเข้มข้น ซึ่งใช้แล้วก็ไม่ทำให้ผิวดีขึ้น หรือให้ความชุ่มชื้นดีแค่เริ่มต้นจากน้ำมัน แต่ไม่นานผิวก็แห้ง เพราะน้ำมันละลายชั้นไขมันธรรมชาติของผิว หรือผิวยังต้องชินกับการทามอยส์เจอไรเซอร์บ่อยๆ จนหยุดการสร้างความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ
กี่วัน กี่เดือน นานไหมเห็นผล ?
หลายคนอยากให้สิวหายทันที เจ้าของแบรนด์ครีมเลยต้องใส่สารอันตราย แต่แพมปลอดภัย ไม่ได้รักษาสิวให้หายในทันที แต่จะให้ผิวแข็งแรงต้องใช้เวลา ซึ่งแตกต่างกัน เพราะเซรั่มแพมทุกสูตรให้ผิวดีขึ้นทุกด้านแบบออลอินวัน ระยะเวลาเห็นผลขึ้นอยู่กับสภาพผิว การดูแล และอีกหลายอย่างขึ้นกับแต่ละบุคคลด้วย เพื่อให้เห็นผลเร็ว แนะนำทำตามวิธีใช้อย่างละเอียดเคร่งครัด เพราะอาจจะเห็นผลช้า หรือทำให้เซรั่มซึมเข้าผิวไม่ได้
จากที่ลูกค้าซื้อใช้
50% ของผู้ใช้ เห็นผลใน 1 วัน
40% ของผู้ใช้ เห็นผลใน 1 เดือน
10% ของผู้ใช้ เห็นผลใน 6 เดือน
กี่วัน สิวหาย
หากผิวที่เป็นสิวปกติหน้าจะดีขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจ 1-2 คืน สิวก็ยุบแล้ว หยุดใช้ ก็ไม่มีสิว ถ้าเพิ่งเป็นสิวจากสารสเตียรอยด์ แล้วมาใช้เซรั่มแพมเลย สิวจะหายยาก และระหว่างใช้ก็อาจมีสิวขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งของแพมไม่ได้ดันสิว แต่เป็นเพราะไม่มีสเตียรอยด์ไปกดสิวไว้แล้ว ต้องใช้เวลานาน ประมาณ 1-12 เดือน ระหว่างนี้อาจไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมาก สิวก็ยังขึ้นปกติ และเมื่อผิวมีการผลัดเซลล์ตามธรรมชาติ ผิวภายในที่สวยแล้วก็จะเผยออกมา และสิวจะหายไปอย่างรวมเร็วจนน่าตกใจ ถ้าผิวติดสารหรือพักหน้ามากกว่า 1 ปี รักษายังไงก็ไม่หายสักที เปลี่ยนมาใช้เซรั่มแพมได้เลย เพราะสเตียรอยด์ที่ผิวแทบจะไม่มีแล้ว พอใช้บำรุงที่ดีอย่างเซรั่มแพม ผิวจึงดีขึ้นได้ในไม่กี่วัน โดยเฉพาะ Super Serum
กี่วัน ขาว
ไม่ขาวทันที แต่จะขาวขึ้นเรื่อยๆ หากอยากเห็นผลเร็ว แนะนำใช้ White หากผิวอ่อนแอ หรือผิวที่พึ่งหยุดใช้สารสเตียรอยด์ จะมีการผลัดเซลล์ผิวไม่สมบูรณ์ ซึ่งระหว่างที่ผิวค่อยๆ แข็งแรงขึ้นอาจดูคล้ำลงเล็กน้อย เพราะเมลานินที่กลับมาทำงานได้เหมือนเดิม เซลล์ที่มีแอคทิวิตี้สูงขึ้น แต่เมื่อถึงกระบวนการผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติ ผิวก็จะกระจ่างใสขึ้นเรื่อยๆ
กี่วัน หน้าเด้ง
เห็นผลทันที เพราะโมเลกุลเล็กเล็กสุด 8000Da ซึมเข้าผิวชั้นในเด้งสุด
ใช้นาน
เซรั่ม 30g
กดครั้งละ 1 ปั๊ม ทาวันละ 2 ครั้ง ระยะเวลาได้มาจากลูกค้า ใช้ได้ประมาณ 4 เดือน
ล้างหน้า 300g
กดครั้งละ 2 ปั๊ม ล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง ใช้ได้ประมาณ 1 ปี
สระผม 300g
ขึ้นอยู่กับปริมาณของผม บางคนอาจกดถึง 5 ปั๊ม ใช้ได้ประมาณ 1-2 เดือน
ใช้ร่วมกับครีมอื่นได้ไหม ?
หากเปลี่ยนครีมใหม่ แนะนำใช้ของแพมอย่างเดียว สิ่งที่ดีที่สุดคือการใช้ครีมใหม่อย่างเดียวกับผิว หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า One at a time เพราะเราจะได้เห็นผลลัพธ์สูงสุดของครีมนั้น ทำให้เรารู้ว่าสินค้าไหนดีกับเรามากที่สุด หากใช้หลายตัว เราจะจับจุดไม่ถูก เนื่องจากเซรั่มแพม เป็นสูตรน้ำ จะไม่สามารถเข้ากันได้กับครีมทั่วไปที่เป็นสูตรน้ำมัน ดังนั้นจึงไม่แนะนำครับ
หากใช้ครีมสเตียรอยด์มาก่อน
ใช้มานานแบบไม่รู้ตัว พอคิดจะหยุดใช้ แน่นอนว่าสิวตามมาแน่ๆ เราจึงแนะนำให้ใช้เซรั่มแพมคู่กับครีมเดิม เพื่อไม่ให้หยุดครีมสารฉับพลัน และทำให้ผิวปรับสภาพกับครีมใหม่ได้ แล้วก็ค่อยๆ ลดการใช้ลงเรื่อยๆ จนหยุดใช้ได้ และใช้เซรั่มแพมแค่ตัวเดียวอย่างต่อเนื่อง ผิวก็กลับมาสวย แข็งแรง และไม่เป็นสิวอีก
เซรั่มเปลี่ยนสีเมื่อโดนแสงแดด
ไม่ได้เสื่อมสภาพหรือเสีย เพราะเป็นไฮยาแท้ โมเลกุลเล็กมาก ซึ่งไฮยาลูรอนิค เอซิต หายากมากที่จะไม่เปลี่ยนสีเมื่อโดนแสง ส่วนใหญ่ที่ไม่เปลี่ยนสีมักเป็นโมเลกุลขนาดกลาง-ใหญ่ แต่สำหรับโมเลกุล ซุปเปอร์เล็กที่สุด จึงเปลี่ยนสีได้ง่าย และทุกสูตรของแพมใช้ โซเดียมไฮยาลูรอเนตโมเลกุลเล็กมากๆ ที่ช่วยนำพาสารสกัดซึมลึกถึงชั้นผิว ชุ่มชื้นมากกว่าหลายเท่า เต่งตึงกระชับ ช่วยหลุมสิวให้ตื้น ผิวเรียบเนียนเร็วขึ้นหลายเท่า ใช้แล้วเห็นผลมากกว่าและไม่มีเจล อย่างเช่น carbopol หรือ cellulose หรือ xantan gum ผสมเพื่อลดต้นทุน