Fukushima – Yamagata
08:48 → 10:06, 1 hr 18 min
Yamagata – Yamadera
10:12 → 10:28, 16 min, 3 stop
Rissyakuji Temple (Yamadera)
ชมแต่ชั้นล่างของวัด ไม่ซื้อตั๋ว
Yamadera – Yamagata
12:08 → 12:26, 18 min, 3 stop
Senzan Line Rapid (For Yamagata)
Kajo Park
550 m, 8 min, free
Yamagata – Shinjo
12:32 → 13:16, 44 min, 5 stop
Tsubasa No.177 (For Shinjo)
Shinjō Castle Ruins
Higashiyama Hydrangea Forest
Mogami Central Park
Shinjo – Koriyama
15:17 → 17:30, 2 hr 13 min, 8 stop
Tsubasa No.150 (For Tokyo)
Nyohoji Temple
21st Century Memorial Park Hayama no Mori
Asaka Canal Hayama Waterfall
本町緑地, park
ยะมะกะตะ
ภูเขายะมะเดะระ ใบไม้เปลี่ยนสี
Risshaku Temple (Yamadera)
หนาวนี้ อยากไปดูใบไม้เปลี่ยนสีที่ญี่ปุ่นจังเลย แต่คงไม่ได้ไป เพราะติดโควิด เสียใจจัง เดี่ยวเรามานั่งดูรูปเมื่อปีที่แล้วที่ไปมาดีกว่าเนอะ
ทริปนี้เป็นทริปชมใบไม้เปลี่ยนสีทั่วญี่ปุ่นในทริปเดียว เรียกได้ว่าคุ้มสุดๆ ไปทั้งหมด 11 วัน คือแบบว่านานมาก จนอยากกลับบ้านแล้ว อยากกินส้มตำมาก แต่ก็ต้องเที่ยวก่อน แพมไปหลายเมืองมาก ใช้บัตร JR Pass ทั้งหมดเลย เน้นเที่ยวภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น ซึ่งจะเรียกว่า โทะโฮะคุ
ในเมืองยะมะกะตะ ที่เที่ยวที่สวยสุดของการชมใบไม้เปลี่ยนสีของตรงนี้เลยจ้า ยะมะเดะระ ซึ่งคำภาษาญี่ปุ่นนี้แปลว่า วัดบนภูเขา และก็อยู่บนภูเขาจริงๆ คือแบบว่าทุกอย่างอยู่บนภูเขานะ ไม่เหมือนที่ไทยที่เคยไป วัดจะอยู่ข้างล่างแล้วให้เราขึ้นบันไดไปสักการะเจดีย์ที่อยู่บนเขา
จริงๆ แล้วตรงนี้แหละ ที่แพมเริ่มเป็นไข้หลังจากกลับมาจากยะมะเดะระ เพราะด้วยการที่ขึ้นภูเขาแล้วต้องใช้พลังงานเยอะด้วย คือเสียดายมาก ทริปนี้ประมาณวันที่ 7 ของการเที่ยว แล้วเราเอาแต่ยาพาราไป กินแล้วแต่ก็คุมอาการปวดหัวไม่ค่อยอยู่ ในทริปต่อๆ ไปจากทริปนี้เลย ขนยาแก้ไข้ไปเยอะมาก ทั้งพารา ยาลดน้ำมูก โกเฟน คือแบบว่าเป็นไข้หนักขนาดไหน ยัดไปหมด ไข้หายจ้า เที่ยวต่อสบายเลย อิอิ
เราพักที่เซนไดเพราะใกล้กับชินคังเซนจากโตเกียว และตื่นตื่นแต่เช้ามากๆ เพื่อให้ทันรถไฟขบวนแรกมายังยะมะเดะระ
เราเดินทางด้วยด้วยรถไฟ JR พอมาถึงก็เดินเข้าไปหน่อย ก็จะเจอทางขึ้นละ ด้านล่างมีให้ชมใบไม้เปลี่ยนสีสวยมาก
ตรงนี้แพมเริ่มใช้ Sony Xperia XZ Premium ถ่าย เพราะรู้สึกว่าถ่ายออกมาแล้วภาพดูสวยกว่ากล้อง Olympus เยอะมาก แต่พอเอาจริงๆ มาเปิดในคอม ภาพก็ไม่ได้สวยเท่าบนจอมือถือนะ แต่ก็คือสวยแหละ โทนของ Sony เก็บภาพใบไม้เปลี่ยนสีได้ออกมาดี ภาพส่วนใหญ่ตรงนี้เลยใช้มือถือถ่าย สังเกตุได้จากภาพที่เบลอได้น้อยๆ ภาพเนียน มีการเกลี่ย Noise เยอะมากๆ นั่นแหละ ใช้มือถือถ่ายครับ อีกอย่างเพราะมือถือเก็บภาพได้มุมกว้างกว่า พอดีกล้องมีเอาไปเลนส์กว้างสุดก็ 14*2 Olympus =28 mm ครับ
แอบไปเห็นแมวญี่ปุ่น เอาจริงๆ ว่าเพิ่งเคยเห็นครั้งแรก ตัวอ้วน น่ารักมาก หลายคนเข้าไปถ่ายรูปกันใหญ่เลย
ตรงนี้จะมีขนมขายหลายอย่างมาก เราก็ต้องลองซื้อชิมดู เอาแบบอย่างละไม้พอนะ เผื่อไม่ถูกปาก มาญี่ปุ่นก็ต้องลองกินของญี่ปุ่นบ้างเนอะ
โอเค ถ้าพร้อมแล้วก็ขึ้นไปเลยจ้า ทางเดินจะกว้างแคบ สลับกันไปมา แต่สะดวกสบายไม่อันตราย ไม่ชัน แต่จะไกลหน่อย ระหว่างทางจะมีจุดพักเรื่อยๆ มีห้องน้ำเยอะมาก ไม่ต้องกังวลเลย
บางจุดมีรูปปั้นแบบโบราณ ดูสวยงาม เอาจริงๆ เราก็ไม่รู้ว่าคืออะไร รอคนรู้มาตอบดีกว่านะ อิอิ
ขึ้นไปบนสุด ก็จะเจอสิ่งก่อนสร้างใหญ่มาก บางส่วนน่าเป็นที่มีพระจริงๆ คิดว่านะ ตั้งแต่ขึ้นเขา จนถึงบนสุด ได้ดูใบไม้เปลี่ยนสีตลอดทั้งทางก็ถือว่าคุ้มค่ามากๆ
มีคนจูงหมาขึ้นไปด้วย น่ารักมาก มาเป็นฝูงเลย
วิวข้างบนอลังการมาก มองลงมาจะเห็นสถานีรถไฟที่เรามาถึง เห็นเมืองตรงนี้ทั้งหมด และเราก็จะลงไปที่สถานีรถไฟตรงนี้และไปเที่ยวต่อ
พอลงมาปุ๊บ แพมรู้สึกเวียนหัวหน่อย แล้วอยู่เฉยๆ อาการไข้มาเร็วมาก น่าจะเป็นเพราะอากาศเย็นจัด เราตัวผอมๆ แล้วเตรียมเสื้อผ้าไปคิดว่าหนามากแล้ว แต่ก็ยังไม่พอ เพื่อนที่ไปด้วยกันน เต้ยก็เลยไม่ได้เที่ยวด้วยกันในบางช่วง เพราะเราขอกลับไปนอนพักต่อที่โรงแรม เสียดาย อุตส่ามาถึงญี่ปุ่นแล้วแท้ๆ
ทริปต่อๆ มาที่มาญี่ปุ่น เสื้อทุกตัวเลยจะดูอุ่นเป็นพิเศษ เพราะเมื่อเราเป็นไข้ เราต้องทำให้ตัวเราร้อนมากที่สุดถึงจะหายได้ อย่าให้ร่างกายสูญเสียความร้อน เมื่อกลับถึงโรงแรมก็แช่น้ำอุ่นให้นานๆ ร่างกายจะได้มีความร้อนเข้ามา กินยาทุก 4 ชั่วโมงถี่ๆ ก็เที่ยวต่อได้สบายแล้ว
ก่อนกลับ จะมีร้านขายของเก่าอยู่ ตรงนี้คนเยอะ ขายดี เลยเข้าไปดูสักหน่อย และก็ได้กระถางแบบญี่ปุ่นเล็กๆ มาทั้งสองคน อิอิ
Shinjo Castle Ruins
อันนี้คือแผนที่รูปปราสาทในสมัยก่อน ซึ่งตอนนี้เราจะเห็นเป็นซากปราสาทชินโจ ปราสาทญี่ปุ่น ในเมืองชินโจ ยะมะกะตะ