ทรายกับกระบี่ ใครผิดใครถูก เราควรเชื่อใครกันแน่ อันนี้แพมขอให้ความคิดเห็นแบบไม่เข้าข้างใคร จริงๆ เรื่องที่แพมจะพูด แพมก็เขียนอยู่เรื่อยๆ ในหลายๆ บทความ
ทราย
ทราย ผู้ชายที่แพมชอบที่สุด เห็นตอนแรกก็ชอบเลย เพราะเราสายฝอ ตอนแรกแพมนึกว่าเขาเป็นฝรั่ง คือสเปกเลย ก็เลยมาดู เลยรู้ว่าเขาเป็นลูกครึ่ง แล้วก็ทำงานที่อุทยาน ซึ่งแพมทำทัวร์ทะเลอยู่แล้ว เราก็เลยชอบเขามาก อยากได้เป็นสามี อิอิ แต่วันนี้จะมาขอพูดเรื่องทรายกันหน่อย คือเปิดเฟสมา เจอทรายทั้งเฟส
ทราย เอาจริงๆ ความคิดทรายเหมือนแพม คือ มีความคิดที่อยากทำสิ่งที่ทำอยู่ให้มันดีขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว แพมเข้าใจทราย เพราะตอนเรียน ป.เอก แพมเป็นหัวหน้าชั้นปี แพมอยากปรับอะไรหลายอย่าง แต่รุ่นพี่เขาไม่เอาด้วย นินทากัน กลายเป็นทุกคนเกลียดแพม แต่แพมก็ไม่สนใจ แล้วก็พับโครงการนั้นเลย แล้วก็ให้เขาทำอะไรก็ทำไปสวยๆ
มาที่ทราย แบบแนวความคิดเด็กนอก ทรายเขามีความคิดที่ดีนะ แต่วิธีการเข้าถึงไม่ถูกต้อง เหมือนแพมในตอนนั้น คือคนไทย มันต้องอ่อนน้อม ถ่อมตน ค่อยๆ คืบคลานเข้าไปทีละเล็กทีละน้อย ตีสนิทกับทุกคน ทำตัวเฮอา ทำตัวตลกอะไรก็ว่าไป ให้เขาสบายใจ แล้วค่อยๆ ปรับเปลี่ยน ต้องเข้าใจว่าคนไทยพูดเยอะไม่ได้ พูดว่า พูดตำหนิก็ไม่ได้
คอนเท้น
เน้นคอนเท้น ไม่เน้นทำ หรือเปล่า ทรายอย่างน้อยเขาก็ทำ ทำเยอะทำน้อยไม่รู้ แต่เห็นทำ แพมว่าปกติ ใครๆ ก็อยากได้คอนเท้น อยากได้ความสนใจ แต่ถ้าสิ่งที่เขาพูดมันไม่ถูก เราก็ไม่เห็นต้องเดือดร้อนอะไร แต่ถ้ามันถูก เราก็ปรับปรุง หรือจะปล่อยผ่าน ไม่ต้องทำอะไรก็ได้ ทุกคนสามารถแสดงความเห็นได้เสมอ และฝั่งกระบี่ก็ได้คอนเท้นอยู่เยอะเหมือนกันกับเรื่องที่ว่า และยังได้ให้ทุกคนทั้งประเทศได้เห็นความสำคัญ แพมว่าเป็นเรื่องดี
ทัวร์
บริษัททัวร์ สมัยก่อน ประเทศไทยเรายังไม่ได้มีทัวร์เกาะที่เยอะเท่าสมัยนี้ แต่ก่อนทะเลก็จะมีแต่ชาวประมงหาปลา ไม่ได้ไปเที่ยว แต่ละเกาะก็เป็นป่าๆ แบบตามเดิมธรรมชาติ พอมีการท่องเที่ยว ก็มีอุทยาน เกาะหลายที่มีคนอาศัย แต่เป็นเขตอุทยาน เพราะชาวบ้านเขาตั้งถิ่นฐานมานานก่อนมีอุทยาน เช่น เกาะปันหยี ที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา แพมได้ยินมาว่าอุทยานเคยฟ้อง แต่แพ้ให้ชาวบ้าน เพราะชาวบ้านมาอาศัยอยู่ก่อน และการขยับขยาย จะอาศัยได้เฉพาะคนในครอบครัวที่เคยอยู่ตรงนี้เท่านั้น
ใต้
ทะเลใต้ ทะเลอันดามันที่มีทัวร์เยอะๆ จะมี 3 จังหวัด กระบี่ ภูเก็ต และพังงา ทั้ง 3 จังหวัด ทัวร์ถือว่าเป็นชั้นนำของไทย ที่เที่ยวแล้วสนุก และทะเลสวยจริง ในราคาที่คุ้มค่า ไม่แพงเลย เทียบกับการบริการ ถ้าเรียบลำดับ และสำหรับการบริการพังงากับภูเก็ต ถือว่าบริการเริดระดับๆ เท่ากัน และตามมาด้วยกระบี่ หลายบริษัทในกระบี่ไม่ได้มีอาหารเช้าให้บริการ และไม่มีออฟฟิตรับลูกค้ามาเช็คอิน หรือท่าเรือส่วนตัวที่บริการอาหารเช้า การบริการตรงนี้จะด้อยกว่าฝั่งภูเก็ตชัดเจน
และเนื่องด้วยราคาทัวร์ทางกระบี่ราคาไม่แพง และการแข่งขันที่มีน้อยเจ้ากว่า ทำให้ทางฝั่งกระบี่ งานเรื่องด้านบริการฝั่งภูเก็ตจะดีกว่า ที่เอามาเปรียบเทียบ เพราะอย่างน้อยเราก็มีอ้างอิงว่าเรายังปรับปรุงตรงไหนได้ แล้วเจ้าอื่นเขาทำกันแบบไหน คือ ต้องบอกก่อนว่า คนไทยบอกตำหนิเยอะไม่ได้จริงๆ
กระบี่
กระบี่ เป็นทัวร์ที่เน้นใช้เรือหางยาวแบบดั้งเดิม แบบชาวบ้าน ที่เป็นเอกลักษณ์ คนส่วนใหญ่ที่ทำทัวร์ ทั้งคนเรือและไกด์ ก็จะเป็นชาวบ้านที่อาศัยอยู่นี่มาเป็นเวลานาน แพมว่าคล้ายๆ กับเกาะปันหยี ทัวร์กระบี่แทบทุกเจ้ารู้จักกัน เพราะเวลาประชุมเกี่ยวกับเรื่องการท่องเที่ยวก็จะเจอกัน และคนในพื้นที่ๆ เอาง่ายๆ เลย ท่าเรือแถวอ่าวนาง เหมือนชุมชนเล็กๆ ที่ทุกคนต้องรู้จักกัน และต้องเข้าใจก่อนว่า ทัวร์กำไรน้อยมาก ทั้งคนเรือก็ไม่ได้เงินเดือนเยอะ บางทีเราต้องพูดเรื่องสิ่งแวดล้อมให้เขาบ่อยๆ หน่อย โดยเฉพาะผู้สูงอายุ
แต่อย่างไรก้ตามทัวร์ คือ ทำให้ผู้คนได้เห็นความงามของท้องทะเล และทำให้ตระหนักถึงผลกระทบของคนเราที่อาศัยอยู่บนแผ่นดิน แล้วทิ้งของเสียลงทะเล กระทบกับสิ่งแวดล้อมทางทะเล คนที่มีมาเที่ยว นักท่องเที่ยวแทบทุกคน รักทะเล ถึงมาเที่ยวกับความสวยงามธรรมชาติแห่งนี้ แต่ทัวร์ของที่ใช้ส่วนใหญ่จะเป็นพลาสติกใช้แล้วทิ้ง คือแพมอยากให้แก้มาก เคยพูดไปหลายรอบ แต่เพราะพลาสติกถูก ขนาดร้านอาหารของอุทยานยังใช้จานกระดาษใส่ผลไม้ หรือถ้วยพลาสติกใส่น้ำจิ้ม คือ ร้านอาหารทำไมไม่ใช้ถ้วยจานที่มันล้างได้จริงๆ พูดเยอะไม่ได้ เพราะพลาสติก คือ สิ่งที่ถูกที่สุด อะไรที่ทำได้ปรับแก้ทันที ไม่ต้องรอให้หลายๆ คนพูด จะดีมาก
หรือเรื่องห้ามแอลกอฮอล์บนเรือ คือเราทุกคนอยู่ในพื้นที่ที่ไม่ใช่อยู่บ้าน เรื่องการถ่ายคลิป มันห้ามกันไม่ได้อยู่แล้ว คุณรู้แต่ทำผิด มันก็ต้องตามนั้น แต่ถ้าเป็นแพม แพมก็จะพูดเบาลงหน่อย คุณตา หนูเตือนเรื่องแอลกอฮอล์หน่อย ตรงนี้มันเขตอุทยาน มันมีค่าปรับด้วย แต่อย่างน้อยเราจำได้แล้วว่าคนนี้ คราวหน้าถ้าเจออีกก็ปรับเลย อิอิ เพราะเคยเตือนไว้แล้ว
อุทยาน
กระบี่มีอุทยานแห่งชาติอยู่หลายแห่งในทะเลตรงนี้ เช่น อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี อุทยานหมู่เกาะลันตา อุทยานโบกขรณี ซึ่งเมื่อมีอุทยานขึ้นมาแล้ว สิ่งที่สำคัญไม่ใช่การควบคุม เช่น ควบคุมเจ้าของกิจการทัวร์ ควบคุมจำนวนผู้เข้าชม แต่เป็นการดูแล เพราะเงินที่ได้มาแพมว่าก็เยอะมากอยู่นะ การดูแลทั้งเรื่องธรรมชาติที่ให้ผู้เยี่ยมชมคนต่อๆ ไปได้ยังเห็นความสวยงาม และการบริการเรื่องห้องน้ำ ห้องน้ำคือ สิ่งที่ทุกคนต้องเข้าใช้งาน เชื่อไหมว่า แพมน่าจะเคยเข้าห้องน้ำอุทยานน่าจะ 2 ครั้ง เพราะไม่จำเป็น คือไม่เข้า แค่เรื่องพื้นฐาน ยังไม่สู้หาดของเอกชน ทั้งที่เงินค่าเข้าเก็บต่างชาติก็แพงมากๆ เรื่องความสะอาดหน้าหาด ก็ยังไม่สู้ ยังมีเศษขยะ โดยเฉพาะช่วงที่คลื่นซัดขยะเข้าฝั่ง และอีกหลายๆ เรื่อง
บางทีอุทยานมาทีหลังชาวบ้าน ข้อห้ามของอุทยาน แพมคิดว่าบางทีเจ้าหน้าที่ก็ไปบอกบังคับไม่ได้ทันทีทันใด เช่น การจับปลา การตกปลา หน้าหาดอุทยานแห่งชาติสิรินาถ ที่อุทยานเขามีเขตเต่าขึ้นมาวางไข่ด้วย แต่ไม่รู้ว่าเต่าจะมาไหม เพราะเรือประมงเต็มหน้าหาดอยู่เลย
นักท่องเที่ยว
แพมก็เป็นนักท่องเที่ยวที่ตอนมาทะเลครั้งแรก ก็ไม่รู้อะไรเลย เราเห็นอะไรก็ดูแปลกตา ดูตื่นเต้นไปหมด น้ำทะเลใสๆ ว่ายน้ำกับปลา แบบไม่มีความรู้อะไรเลย การบริการของคนเรืออยากให้นักท่องเที่ยวประทับใจ เช่น โยนเศษถั่ว ข้าวสาร ขนมปังให้ปลา โดยที่เขารู้นะว่าไม่ได้ แต่ไม่ได้ตะหนักถึง เขาก็จะแอบเอาขึ้นมา แพมว่าเป็นส่วนของอุทยานที่ต้องมาช่วยบอกให้ความร่วมมืออยู่ตลอดเวลา เพราะเวลาแพมไปเที่ยวทีไร ก็เห็นอยู่ประปราย ทั้งฝั่งกระบี่และภูเก็ต แค่บอกว่าฉันไม่ได้ทำ แต่ไม่ได้เน้นให้ความสำคัญตอนเช็คอินก่อนขึ้นเรือ ซึ่งทางสิมิลัน หรือทัวร์ฝั่งภูเก็ต ทัวร์เขาบอกอยู่ตลอด อธิบายเหตุผล สาเหตุ และข้อห้ามอื่นๆ ยาวมาก อันนี้กระบี่เราเสียเปรียบตรงนี้มาก
แต่ก็ต้องเข้าใจนักท่องเที่ยวด้วย เขาไม่ได้มาทุกวัน มาเจอทุกวัน เวลาเราเห็นอะไรใหม่ๆ เราตื่นเต้น ไม่ได้มีความรู้อะไรขนาดนั้น อะไรปล่อยได้ก็ปล่อยไป โดดหน้าเรือมันโดดได้ ไม่ตาย ก็โดดไป หรือไปว่ายน้ำกับฝูงลูกปลาก็ว่ายไป แพมเคย เพราะจริงๆ ไม่ได้ไปไล่ปลา แต่เราไม่เคยเห็นไง เราก็ไปว่ายเพื่อที่จะถ่ายรูปให้มันสวยๆ ปลามันก็หี เราก็ว่ายไปหามัน แค่นั้น อย่าไปคิดเยอะ เขาไม่ได้มาทะเลทุกวันที่จะรู้สึกเฉยๆ เมื่อเห็นอะไรแบบนี้ นักท่องเที่ยวบางทีเราก็ต้องตามใจเขาบ้าง ถ้ามันไม่ได้ทำเสียหาย หรือไปเก็บเปลือกหอยกลับบ้าน การพูดกับนักท่องเที่ยวก็ต้องพูดบอกสาเหตุก่อน แล้วค่อยบอกข้อห้าม ไม่ใช่อะไรก็มีแต่ห้ามๆ ทั้งที่เสียค่าเข้ามาแพง ฝรั่งจ่ายค่าเข้าอุทยานเมืองไทยแพงมากๆ และโดยรวมคือต้องให้เขาได้ความประทับใจดีๆ กลับบ้านไป ถ้าเป็นแพมก็จะไปบอก ดาลิ่งเก็บเปลือกหอยไปไม่ได้นะ มันผิดกฏหมาย ปล่อยให้มันเป็นทรายที่นี่เถอะ ถ่ายรูปกับเปลือกหอยเก็บไว้ได้น้า อะไรก็ว่าไป
อนาคต
สรุปคือ แพมชอบทราย เพราะเป็นเหมือนก้าวแรกที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่ดี ทรายก็มีเรื่องที่ให้ตำหนิอยู่ เช่น เรื่องวิธีการเข้าหาคน แต่โดยรวมคือเป็นสิ่งที่ดี คนที่ไม่ชอบทราย ถ้าเราปรับสิ่งที่เขาพูด มาแก้เป็นจุดแข็งของเรา เช่น ทัวร์เรารักโลก แก้เรื่องพลาสติกบนเรือ ต่างๆ ไกด์และคนเรือช่วยกันเก็บขยะระหว่างรอลูกค้า คือ มันยิ่งจะทำให้เราพัฒนาไปอีก แต่ที่เห็นตอนนี้ คือ เหมือนยังอยากกลับไปเป็นแบบดั้งเดิมเหมือนที่เคยทำ แต่โดยรวมคือพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ แต่จะช้า จนเหมือนเราเห็นปัจจุบัน ความสวยงามมันลดลงเรื่อยๆ น้ำเสียจากฝั่ง ขยะจากเรือ ขยะจากผู้คน ก็สะสมอยู่ในทะเล พัดเกยติ้นหน้าหาด เป็นไมโครพลาสติกที่เรากินอยู่ทุกๆ วัน
จริงๆ มีเรื่องอยากเล่ามากมาย แต่ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน แพมก็เหมือนกับทราย ที่คนที่ชอบเราก็มี คนที่ไม่ชอบก็มี หลายเรื่องอยากจะถามคนอื่นว่าพูดได้ไหม ใครอยากรู้เรื่องไหน บอกแพมหน่อยน้า