มาบอกวิธีปลูกเมเปิ้ลครับ แพมเป็นคนชอบต้นเมเปิ้ล และไม้เมืองหนาวมาก เพราะไปเที่ยวญี่ปุ่นบ่อย อยากได้มาปลูกที่บ้าน และแต่งบ้านแล้วสวย ตอนนี้ปลูกไปหลายต้น ไซต์ สูงประมาณ 180 ซม. ซึ่งตายไปหลายต้น หมดเงินไปเยอะมากๆ
ปลูกเมเปิ้ลยังไงให้รอด
เลี้ยงเมเปิ้ลยังไง ไม่ตาย หลังจากที่ได้ปลูกมานาน ต้นไหนตาย เราก็จำไว้เป็นบทเรียน ตอนนี้พอจับได้ว่า ทำยังไงถึงจะรอด จะสังเกตุได้ว่า หากเราใช้เครื่องปลูกดีขนาดไหน ถ้าระบายอากาศไม่ดีก็ตายได้ เมเปิ้ลจะเป็นไม้ที่ชอบอากาศ เย็นและแห้ง แต่ยังไงต้นไม้ก็ต้องการน้ำ เราก็ต้องหาน้ำให้มันบ้าง
เด็ดใบออก
เมเปิ้ล ถ้ามาปลูกที่บ้านเรา เราต้องเด็ดใบออกตลอด เพราะใบจะใช้พลังงานเยอะ เมื่อรากที่ไม่แข็งแรงดูดน้ำได้น้อย แต่ใบคายน้ำออกจนหมด ใบก็จะเริ่มเหี่ยว ต้นก็ตาย
อย่าเด็ดใบเมเปิ้ลทิ้งบ่อยๆ เพราะใบที่เยอะและเขียวแสดงว่าสมบูรณ์และพร้อมที่จะปรุงอาหารจากแสงแดด และสะสมอาหารไว้ในลำต้น หากเราเด็ดใบทิ้ง เมเปิ้ลต้องใช้อาหารที่สะสมไว้มาใช้งานซึ่งอาจทำให้ลำต้นเหี่ยวและตายได้
เมเปิ้ลจะไม่เหมือนไม้อื่นๆ บ้านเราที่เด็ดใบทิ้งแล้วจะกระตุ้นการงอกของรากได้ ดังนั้น บางทีการเด็ดใบทิ้งแล้วแตกกิ่งใหม่ก็ใช้ได้ในบางครั้ง บางครั้งยิ่งเด็ดยิ่งตายไปเลย
ให้โดนแดด
ลำต้นที่เขียวแสดงว่าสมบูรณ์ อาหารเยอะ และสีเขียวในลำต้นยังปรุงอาหารได้ด้วย
เมเปิ้ลชอบแดดจัด ต้นเมเปิ้ลแพมโดนแดดแรงๆ ทั้งวัน แทบทุกต้น และยังไม่รดน้ำเลย สังเกตุต้นที่โดนแดดแรงๆ จะสุขภาพดี
ต้นไหนสุขภาพดีมาก จะเห็นมีงอกออกมาที่โคนด้วย เช่น ต้นนี้โดนแดดแรงๆ 100% ตั้งแต่เช้ายันเย็นเลยครับ
ตัดแต่งกิ่งบ่อยๆ
อย่าไปเสียดาย เพราะการแต่งกิ่งจะกระตุ้นรากให้เกิดใหม่ด้วย
อย่าปลูกในบ้าน
เพื่อนแพมบอกว่า ทำไมไม่ปลูกใบบ้าน เปิดแอร์ให้มันทั้งวันจะได้แดงๆ ปัญหาคือ ในบ้านไม่มีแสง เมเปิ้ลจะอ่อนแอมาก ใบจะยาวแล้วพยายามยื่นหาแสงใบเรื่อยๆ แต่ในรูปด้านบนเป็นสวีทกัมนะครับ ที่เคยเลี้ยงไว้ในบ้าน สรุปคือไม่รอดครับ
ตายแน่นอนถ้าปลูกในบ้าน ถึงแม้มีกระจกใสให้แสงเข้ามาได้ ก็ตาย เพราะต้นไม้ต้องการรังสียูวีในการสังเคราะห์แสง แสงที่ผ่านกระจกมาจะถูกกรองรังสียูวีไปส่วนนึ่ง ไม่พอสำหรับต้นไม้ ใบก็จะเริ่มเหี่ยว
รดน้ำบ่อยๆ
หลักการพื้นฐานของต้นไม้ คือ รดน้ำ ถ้าต้นไม้ไม่ได้น้ำ รดน้อยไป ต้นก็จะตาย
น้ำห้ามขัง
กระถางต้องระบายอากาศได้ดีสุดๆ น้ำห้ามเน่าในกระถาง
ดินที่ใช้ปลูกเมเปิ้ล
เมืองหนาว ต่างจากบ้านเราที่ร้อนชื้น ดังนั้นไม้เมืองหนาวก็ไม่ชอบความชื้น สังเกตุบ้านเราพอถึงหน้าหนาว ดินจะแห้ง จะต้องรดน้ำต้นไม้ทุกวัน เมเปิ้ลก็ชอบสภาพอากาศที่ว่านี้ ดินต้องแห้ง และต้องให้น้ำทุกวัน โดยที่ดินแห้ง
ไม่ควรใช้พวกดินที่ไว้ปลูกพืชสวนหรือดินใบก้ามปู หาเครื่องปลูกดีๆ ดินดีๆ ดินที่เหมาะสมต้องระบายอากาศได้ดี ราคาอาจจะแพงหน่อย แต่ก็ถูกกว่าต้นเมเปิ้ลที่เราซื้อมาแน่นอน เช่น ดินพีทมอส ดินภูเขาไฟ ที่ไม่เก็บน้ำ รดแล้วน้ำหายไปหมด ดินแห้งง่าย ระบายอากาศ
ปลูกลงดินได้
วิธีการของแพมคือ แพมจะปลูกลงดิน ไม่ชอบไม้กระถาง เพราะเมื่อลงดินมันสวยกว่า เราจะสวนได้ ไม่มีกระถางให้รกหูรกตา ถ้าปลูกลงดินแพมจะรดน้ำน้อยมาก เช่น อาทิตย์ละครั้งหรือ 2 อาทิตย์ครั้งนึ่ง เพราะดินมีความชื้นอยู่ตลอดเวลา เราไม่จำเป้นต้องรดน้ำก็ได้ สังเกตุถ้าเราขุดดินขึ้นมาเห็นดินเปียกอยู่
แต่ถ้าปลูกเมเปิ้ลในกระถาง ก็รดน้ำอาทิตย์ละ 1 ครั้งพอ
ปัญหาคือ ถ้าเมเปิ้ลจะตาย มันจะไม่บอกล่วงหน้า ถ้าตายก็คือตายเลย และในตอนที่ใกล้ตายเราจะช่วยชีวิตมันยากมาก แพมเสียเมเปิ้ลต้นใหญ่สูง 180 ซม. ไปหลายต้น และหลายต้นก็ราคาแพงมาก
อย่างเช่น ต้นนี้ จากที่เคยสวยที่สุดในทุกต้น ต้นนี้ตั้งแต่ปลูกมาสวยอยู่เป็นปี ไม่เคยย้ายเลยครับ ตอนนี้อยู่เฉยๆ ต้นก็แตกยอดใหม่น้อยลง และก็พร้อมใจกัน ใบแห้งร่วงทั้งหมด กิ่งแห้ง แล้วก็จะตายในที่สุด
ใครว่าเมเปิ้ลเลี้ยงในกระถางง่าย ต้นนี้ก็ตายไปแล้วครับ อิอิ สำหรับแพม คิดว่าเลี้ยงในดินง่ายกว่า เพราะดินมันชื้นอยู่ตลอดเวลา แทบไม่ต้องรดน้ำเลย ถ้าเลี้ยงในกระถาง ถ้าไม่รดก็ตาย ถ้ารดมากไปก็ตาย ต้องมานั่งสังเกตุดินตลอด หรือตั้งวันที่จะรดให้สม่ำเสมอครับ
สังเกตุ เวลาเราซื้อเมเปิ้ลมาใหม่ๆ กระถางดินเขาจะแห้งแข็งมากๆ แล้วแต่ดินของแต่ละเจ้าที่ปลูก บางเจ้าดินแข็งโป๊กเลย บางเจ้าถอดกระถางไม่ได้ ดินเป็นกลมๆ เทแล้วร่วงหมดเลย ดินหายหมดเหลือแต่ราก ต้นโยกไปมาได้ แต่ไม่ตายนะ เพราะมันระบายอากาศได้ดีมาก
เมเปิ้ลชอบดินที่กรดอ่อนๆ แพมเลยเอา กรด Salicylic Acid ที่เหลือจากการทดสอบสูตรครีมของแพม ซึ่งกรดนี้ช่วยเรื่องสิว ละลายหัวสิว แต่แพมพบว่า มันไม่ได้ช่วยให้ผิวแข็งแรงเลย ดังนั้น เซรั่มทุกสูตรเลยไม่ได้ใช้ส่วนผสมตัวนี้ และจะไม่ได้กรดเลย เพื่อให้อ่อนโยนสุด
ซึ่งผลที่ได้เมื่อเอากรดไปใส่ในต้นเมเปิ้ลเล็กน้อย คือ ใบใหม่แตกออกมาเยอะมาก และสีแดงสดมาก
สายพันธ์ก็มีส่วน หากเป็นสายพันธ์ญี่ปุ่นและแดงจีนก็จะเลี้ยงยากมากๆ บางคนบอกว่าแดงจีนเลี้ยงง่ายกว่า แต่แพมว่าเท่าๆ กัน สายพันธ์เมเปิ้ลญี่ปุ่นก็เลี้ยงได้เหมือนกัน สังเกตุขึ้นอยู่กับดินอย่างเดียวเลยครับ
แพมเคยปลูกแอปเปิ้ลก็ไม่รอด ตายเหมือนกันครับ น่าจะเป็นที่ดิน ตอนนั้นยังจับทางไม่ได้
แพมมีต้นสายพันธ์ุญี่ปุ่น ย้ายไปย้ายมา หลายรอบมากแต่ไม่ตายสักที ต้นนี้ทนมาก คิดว่าเป็นกับดินอย่างเดียวเลย บ้านแพมส่วนไหนที่ปลูกแล้วเคยตาย เราจะปลูกใหม่ที่เดิมอีกรอบมันก็จะตายอีก เพราะดินตรงนั้นไม่เหมาะสม ถ้าเราอยากปลูกที่เดิม เราต้องรองด้วยดินใหม่ๆ เยอะๆ เลยครับ
ดินที่ดีต้องสะอาด ไม่ชื้น เมเปิ้ลถึงแม้รากจะสะเทือน เพราะดินโปร่งที่เราใช้ปลูกจะหลวมๆ ก็ไม่ตายง่ายๆ จะตายเพราะเรารดน้ำอย่างเดียวเลย หากเห็นเหมือนต้นจะตาย ยิ่งเราไม่รดน้ำมันยิ่งจะตายจริงๆ เลยครับ
เมเปิ้ลไม่ใช่ไม้ที่เมื่อเราตัดลำต้นมาแล้วจะแตกใบใหม่ ตรงกันข้าม ยิ่งเราตัดแต่งกิ่ง ต้นเมเปิ้ลจะเป็นสีดำลึกลงไปอีก ลำต้นที่ดำ หรือที่เรียกว่าราดำ เมื่อเกิดแล้ว บางคนเผาไฟทิ้งเพื่อที่จะกำจัดเชื้อรา แต่จริงๆ แล้ว เชื้อรามีอยู่ทั่วทุกที่ ทั้งอากาศ ดินที่เราปลูก มันไม่มีทางตายง่ายๆ ดังนั้นแพมก็จะปล่อยมันไม่เลย เมื่อกิ่งนั้นมันจะตายจริงๆ มันก็จะแห้งไปเลยเฉพาะกิ่งนั้นๆ
สำคัญเลย เมเปิ้ลญี่ปุ่นและหรือจะเป็นพันธ์ุจีนแดงจะรอดได้เพราะน้ำน้อยๆ เครื่องปลูกและกระถางต้องระบายอากาศได้ดีที่สุด ห้ามชื้นเปียกเป็นอันขาดเลย
และต่อไปนี้ พอกันทีกับเมเปิ้ล ไม่ซื้อมาอีกแล้วครับ หมดไปเยอะมากแล้ว แพมจะหันไปปลูกซากุระและแปะก้วย ยังจะทนทานกว่าสำหรับบ้านเรา ตอนนี้ก็มีปลูกไว้แล้วบ้างครับ เดี่ยวเอามาให้ชมใหม่
ใส่ความเห็น